ขวดน้ำสีแดงของ “บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา”

ได้ชื่อว่าเป็นปีที่วิกฤตที่สุดของสหกรุ๊ป จนต้องประกาศนำกลยุทธ์ “Minus Marketing”หรือผลประกอบการติดลบ 5% มาใช้เป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปี

แถมยังเป็นไปตามคำทำนายของบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ไว้ตั้งแต่วันแถลงข่าวแล้ว เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ สินค้าที่สหกรุ๊ปนำมาลดราคาในงาน Saha Group Export & Trade Exhibition ปีนี้ขายดีแน่

ปรากฏว่าบูธลดราคาในงานเต็มไปด้วยแม่บ้านที่จับจ่ายใช้สอยสินค้าลดราคากันแน่นขนัด ทั้งอุปโภคบริโภค ชุดชั้นใน ชนิดไม่ผิดคำทำนาย

ในอีกด้านหนึ่งสหกรุ๊ปเองก็พยายามชูเรื่องความเป็น “นวัตกรรม” เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า สินค้าคอนซูเมอร์ธรรมดาๆ ก็ขายความเป็น “นวัตกรรม” ได้ เช่น ตุ๊กตา “นาโน” ที่มีกลิ่นต่างๆ ให้เลือก ช็อกโกแลต วนิลา หรือ เครื่องวัดรองเท้าอัตโนมัติ

สินค้าแฟชั่นและความงาม และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ “สุขภาพ” นับเป็นธุรกิจดาวรุ่ง ที่สหกรุ๊ปฝากความหวังไว้ บริษัทในเครือ 2 แห่งเปิดตลาดด้านอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ คือ เครื่องดื่มเสริมอาหาร i-Healti Q10 โดย บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) และแคปซูลและเจลลี่ผสม Q10 แบรนด์นาตาลี บาย บีเอสซี โดย ไอ.ซี.ซี

งานนี้ “โคเอ็นไซน์ คิวเท็น” กลายเป็นเครื่องดื่มข้างกายของ “บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา” ที่นอกจากเขาจะยกจิบตลอดเวลาที่พบปะผู้คนแล้ว ยังจัดเตรียมไว้รับรองแขกผู้ใหญ่ อย่าง พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ที่มาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ที่ต่างก็ได้ลิ้มรส “โคเอ็นไซน์ คิว 10” ในขวดสีแดงกันถ้วนหน้า และยังกลายได้เป็นภาพข่าวปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์ในเช้าวันถัดไปอีกด้วย

“ผมเจอใคร ผมดื่มให้เขาดูตลอด ผมดื่มทุกวันๆ ละ 5 ขวด คิวเท็นเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ถ้าเป็นเด็กดื่มแล้วสมองใส ถ้าผู้ใหญ่ดื่มแล้วชะลอความแก่ ทำไมคนไทยต้องดื่มแต่รังนก และซุปไก่ ซึ่งขายโดยบริษัทต่างชาติอย่างเดียว” บุณยสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวขณะที่จิบเครื่องดื่มโคเอ็นไซน์ คิว 10 ไปด้วย

แม้เศรษฐกิจภาวะเศรษฐกิจจะไม่เอื้ออำนวย แต่ธุรกิจยังต้องเดินหน้า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สหกรุ๊ปประกาศร่วมทุนกับบริษัทสยามโซเคอิ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ออกแบบก่อสร้างคอนโดมิเนียม และเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ จากญี่ปุ่น ที่เข้ามาลงทุนในไทย 9 โครงการ ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ศรีราชา ภูเก็ต

สหกรุ๊ปตั้งความหวังว่า โนว์ฮาวและประสบการณ์ของสยามโซเคอิ จะช่วยบุกเบิกอสังหาริมทรัพย์ที่พวกเขาไม่มีความชำนาญ
นอกจากนี้ ธุรกิจค้าปลีกจะเป็นอีกธุรกิจที่สหพัฒน์เริ่มเอาจริงเอาจัง ร้าน 108 ช็อป ซึ่งเป็นแบรนด์ที่สหกรุ๊ปปั้นขึ้น

“เราจะทำแบบ Small Complex ไปในชุมชน ที่เขามีหมู่บ้าน มีสนามกีฬา แล้วก็มี 108 ช็อปเป็นร้านค้าปลีกอยู่ในนั้น นี่คือภาพของอนาคตเป็นแบบนั้น”

ในขณะที่ “บีเอสซี” เป็นแบรนด์ที่สร้างขึ้นใหม่ตั้งใจเจาะสำหรับ “คนรุ่นใหม่” โดยมอบหมายให้ “ธีรลดา โชควัฒนา” และ “ธรรมรัตน์ โชควัฒนา” สองทายาทของเขาร่วมกันปลุกปั้น

สินค้าของบีเอสซีมีความหลากหลาย มีตั้งแต่เครื่องสำอาง เสื้อผ้า เม็ดอม ไปจนถึงจิวเวลรี่ เมื่อเร็วๆ นี้ สหพัฒน์ว่าจ้างบริษัทแอดดิสันจากญี่ปุ่น เป็นผู้ปรับปรุงโลโก้ ให้ดูทันสมัย เพราะตั้งใจให้บีเอสซีโกอินเตอร์อีกด้วย

นับเป็นอีกปีที่เป็นจุดเปลี่ยนของสหกรุ๊ป ธุรกิจที่เติบโตมาจากการนำเข้าซื้อมาขายไป จนมาสู่นิคมอุตสาหกรรม และกำลังก้าวสู่ธุรกิจบริการ ค้าปลีก เพื่อความอยู่รอดในอนาคต

www.sahapat.co.th