ทัศนคติ เปลี่ยนได้ด้วยโฆษณา

งานโฆษณาโดยส่วนมากที่ได้ทำกัน ไม่ว่าจะเป็น โฆษณาทีวี โฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ แมกกาซีน สื่อกลางแจ้ง อินเทอร์เน็ต ฯลฯ สร้างขึ้นเพื่อแนะนำเกี่ยวกับสินสินค้า ผลิตภัณฑ์ รู้สึกดีกับสินค้า นำพาไปสู่การซื้อ และอาจจะตอกย้ำว่าสิ่งที่คุณซื้อว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เหมาะกับคุณ เพื่อให้คุณเกิดการซื้อซ้ำ

และเป็นคนที่ใช้สินค้านั้นตลอด หรือยิ่งดีเข้าไปอีก หากเมื่อคุณใช้แล้วไปแนะนำ หรือโน้มน้าวให้เพื่อน คนรู้จัก ให้มาซื้อ

นั่นคือ แคมเปญที่ทำเพื่อโดยหลักๆ เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีกับสินค้า เพื่อยอดการขายเป็นสำคัญ

แต่ในสังคมก็ยังมีงานโฆษณาที่ทำเพื่อกระตุ้นสังคม หรือที่เรียกว่า “โฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์”

ตัวอย่างในเมืองไทยที่เห็นได้ก็คือ โฆษณารณรงค์ให้ใช้แก๊สโซฮออล์ หรือโฆษณาของ ส.ส.ส. ที่ส่งเสริมครอบครัวให้หยุดสูบบุหรี่ หรือหยุดกินเหล้า และอีกหลายแคมเปญ

ในต่างประเทศงานโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์ ก็มีอยู่มากเหมือนกัน และมักจะทำได้ดี ได้รางวัลต่างๆ มากมาย เพราะครีเอทีฟที่คิดงานประเภทนี้จะสนุก และนำเสนอไอเดียในมุมมองใหม่ๆ ที่กระตุ้นสังคมได้อย่างจัง

ในปีนี้ที่เห็นจะมีแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่สุดก็ของ Amnesty International เป็นองค์กรระหว่างประเทศ ที่รณรงค์
เรื่องสิทธิมนุษยชน

โดยใช้วิธีการทำประชาพิจารณ์ ทำวิจัยสัมภาษณ์และช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดสิทธิ แล้วเผยแพร่ข้อมูลต่อสังคมโลก เพื่อผลักดันผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเช่น รัฐบาลบางประเทศ หรือสหประชาชาติ ยกตัวอย่างกิจกรรมเช่น ส่งเสริมสิทธิสตรี สิทธิเยาวชน ต่อต้าน การลงโทษโดยการทรมานและการประหารชีวิต โดยเผยแพร่ผ่านหน่วยงาน ที่เราอาจจะรู้จักกันก็คือ Human Rights ก่อตั้งขึ้นจากประเทศอังกฤษ

แคมเปญงานโฆษณาที่กระตุ้นให้คนที่พบเห็นได้ตระหนักคิด เพื่อร่วมมือกันผลักดันให้เกิดประโยชน์แก่สังคมโดยรวมโดยเขาจะรณรงค์ผ่านทุกสื่อ

ตัวอย่างหนังโฆษณา Amnesty International – signatures

สามารถเข้าไปดู ไฟล์วิดีโอได้ที่
http://adverblog.exteen.com/20070825/amnesty-international-signatures

เนื้อหา เล่าเรื่อง ปัจจุับันทั่วโลกมีการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลมากมายแต่ลายเซ็นที่มีขึ้นตามเหตุการณ์ต่่างๆ สามารถทำให้เขาเหล่านั้นมีทางออกมากมายท้ายสุดก็มีประโยคที่บอกว่า ”Your Signature is more powerful than your think”ลายเซ็นของคุณมีพลังมากกว่าที่คุณคิด

สิ่งที่องค์กรนี้อยากสื่อถึง คือ การให้คุณได้มีส่วนร่วมในการหยุดละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ แค่คุณเซ็นชื่อ เห็นด้วยกับกับการหยุดความรุนแรงนี้อาจจะเป็นการช่วยหาทางออกในเหยื่อต่างๆ ในเหตุการณ์นั้น (โดยทางตรงหรือทางอ้อมก็ได้)หนังโฆษณาชิ้นนี้ มีพลังอย่างมาก ทำให้ได้ Cannes Lion : Film (Gold)

หรือจะเป็นสื่อกลางแจ้ง พวกป้าย Out Door ต่างๆ โดยใช้ประโยคหลักในการพูดที่ว่า ”It’s not happening here but it is happening now.”มันไม่ได้กำลังเกิดขึ้น ณ ที่ตรงที่นี่ แต่มันกำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้

ที่ได้ตอกย้ำคนในประเทศที่พัฒนาแล้วให้ร่วมมือ หรือให้ตระหนักว่า ณ ตอนนี้ เกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายกับเพื่อนมนุษย์เราในโลกนี้มากกว่าแต่สิ่งที่คุณไม่ได้เห็นจากตาของคุณเอง ไม่ได้หมายความว่า มันไม่ได้มีอยู่

ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมผู้ต้องหา

ภาพของเด็กผู้อดอยากในแอฟริกา

เด็กที่ต้องมาเป็นทหาร ก่อนวัยอันควร

อีกหลากหลายงานที่สะท้อนให้คนที่เห็นได้ตระหนักคิดและเข้ามาร่วมมือกับองค์กรนี้ ถือว่าเป็นงานระดับไอเดียที่ดีมาก และได้รางวัลเช่น Cannes Lion : Outdoor (Gold)

หรือแม้ในสื่อออนไลน์ ก็มีวิธีการนำเสนอที่ดีมากเพื่อให้หยุดความรุนแรง

ภาพจะเล่าว่าผู้หญิงถูกทำร้ายอย่างรุนแรง

สิ่งที่ให้คนดูได้ “เลือก” จะเล่นต่อ หรือจะหยุด

หากเลือก “เล่นต่อ” จะมีประโยคที่ว่า Don’t just watch violence happen.

และกลายเป็นเครื่องหมายหยุด “Help us stop it. โปรดช่วย เราหยุดมัน”สามารถเข้าไปดู ไฟล์วิดีโอได้ที่ http://adverblog.exteen.com/20070825/amnesty-international-signatures

จะเห็นได้ว่า “งานโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์” ของต่างประเทศได้รณรงค์อย่างเข้มข้นทั้งไอเดียและวิธีการนำเสนอ เพื่อเป้าหมายหลัก ที่จะทำให้คนดูหรือคนที่ได้เห็นเกิดทัศนคติที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น ได้ตระหนักคิด ร่วมมือ ลงมือทำให้สังคมดีขึ้น และผลตอบรับหลังจากสื่อสารออกไป ถือว่าได้ผลที่ดีมาก

กลับมาดูงานแคมเปญที่รณรงค์เพื่อสังคม หรืองานโฆษณาเพื่อสาธารณประโยชน์ของบ้านเราบ้างล่าสุดก็งานรณรงค์เพื่อให้ผู้สูงอายุฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันไข้หวัดใหญ่ สื่อที่น่าสนใจ ที่หลากสินค้า หรือหลายองค์กรนิยมใช้ในตอนนี้ ก็คือสื่ออินเทอร์เน็ต วิธีการรณรงค์ ไม่ใช่วิธีการที่น่าเบื่ออีกต่อ ที่น่าเบื่อเพราะส่วนมากชอบเปิดเว็บแล้วให้คนเข้ามาอ่านข้อมูล ข่าวสารต่างๆ อย่างมากมายและไม่น่าสนใจแก่กลุ่มเป้าหมายของผู้ใหญ่อินเทอร์เน็ต ซึ่งส่วนมากจะเป็นคนอายุช่วงประมาณ 15-45 ปี

โดยวิธีการสื่อสารจะทำการเปิดเว็บที่ชื่อ www.kaiwadyai.com(ลองเข้าตาม) จะสื่อเป็นในลักษณะเกม ที่พ้องกับสถานการณ์ที่คนเมืองคุ้นเคย คือบนรถไฟฟ้า

สร้างเรื่องสมมติที่ว่า ทุกคนในรถไฟฟ้าคนที่คุณขึ้นมานี้ เป็นไข้หวัดใหญ่และพร้อมที่จะแพร่เชื่อมาสู่คุณแม่ของคุณ ที่ท่านอายุมาก และภูมิคุ้มกันน้อย

สิ่งที่คุณทำได้คือการป้องกันไม่ให้คนที่ร่วมเดินทางด้วยกันนั้น ไอ หรือจามใส่คุณแม่คุณได้ โดยการเอาผ้าเช็ดหน้าไปปิดปากก่อนที่เขาเหล่านั้นจะจาม และหากถูกจามใส่จะทำให้คุณแม่ภูมิคุ้มกันลดลง และป่วยในที่สุด

ท้ายสุดไม่ว่าคุณจะป้องกันการจามจากคนอื่นยังไง ก็ไม่สามารถป้องกันได้ทางที่ดีที่สุด คือการพาคุณแม่ไปฉีดวัคซีน

และถ้าเลือกพาคุณแม่ไปฉีดวัคซีนแล้วนั้น จะเป็นการให้ข้อมูลของไข้หวัดใหญ่ ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อของไข้หวัด อาการ การปฎิบัติตัว การรักษา และข้อมูลของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปในตัว

ผลที่ตอบรับจากคนที่ได้เข้ามา ถือว่าดีมาก ที่ได้รับความสนุกจากเกม และได้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่ และได้กระตุ้นให้กลุ่มที่เล่นอินเทอร์เน็ตได้กลับไปใส่ใจในผู้สูงอายุ ไม่ว่าคุณแม่ คุณพ่อ คุณปู่-ย่า ตา-ยาย เพื่อพาเขาไปฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ที่ง่ายมาก กว่าที่คุณจะป้องกันคนรอบข้างมาแพร่เชื้อโรคใส่เขาเหล่านั้น