ดีลอยท์ชี้ ไทย ติด 1 ใน 5 ชาติเอเชีย แหล่งผลิตของโลกแทนที่จีน

จากรายงาน ดัชนีความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตทั่วโลกปี 2559 (2016 Global  Manufacturing Competitiveness Index : GMCI) ซึ่งจัดทำโดย กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าอุตสาหกรรม ของดีลอยท์ โกลบอล ( Deloitte Global Consumer & Industrial Products Industry group)  และคณะกรรมการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐ (US Council on Competitiveness) ระบุว่า กลุ่ม MITI-V (Mighty 5) หรือ 5 ชาติเอเชีย ประกอบด้วย มาเลเซีย(M), อินเดีย(I), ไทย(T), อินโดนีเซีย(I) และเวียดนาม (V) มีแนวโน้มจะผงาดขึ้นมาติดกลุ่ม 15 อันดับของประเทศที่ความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตของโลกภายในปี 2563  และน่าจะขึ้นมาแทนที่จีนได้ พิจารณาจากแรงงานต้นทุนต่ำ ความสามารถคล่องตัวด้านการผลิต โครงสร้างด้านประชากรศาสตร์ รวมถึงการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้การคาดการณ์ข้างต้น ได้มาจากการวิเคราะห์เชิงลึกจากการสำรวจประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ผู้นำระดับสูงของบริษัทในธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกกว่า 500 ราย และจากการรวบรวมข้อมูล ในรายงาน ปี 2553 และปี 2556 อ้างความเห็นของผู้บริหารจากประเทศที่มีความสามารถในการแข่งขันด้านการผลิตในปัจจุบันและอนาคต 40 อันดับแรก และยังได้รับการจัดอันดับเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในเรื่องความสามารถแข่งขันด้านการผลิตทั่วโลกในอันดับต้นๆอีกด้วย (ตามตารางจัดอันดับ)

สุภศักดิ์ กฤษณามระ กรรมการผู้จัดการ ดีลอยท์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ถึงแม้อันดับความสามารถในการแข่งขันของ 4 ประเทศ MITI-V ยกเว้นเวียดนาม โดยรวมระหว่างปี 2556 และ 2559 จะลดลง แต่เมื่อมองภาพรวมกลุ่มประเทศ MITI-V อาจเห็นประเทศเหล่านี้เป็นทางเลือกดึงดูดใจในแง่การเติบโตของตลาดและเศรษฐกิจรวมถึงการขยายตัวของฐานผู้บริโภค

“กลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทยและเวียดนาม ยังคงดึงดูดความสนใจของผู้ผลิตทั่วโลก ที่มองหาทางเลือกอื่นนอกจากจีน โดยสามารถใช้ประโยชน์ จากแรงงานที่มีทักษะ และความสามารถในการผลิตของแรงงานมีมากขึ้น รวมถึงต้นทุนแรงงานการผลิตที่ต่ำกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับจีน”

รวมทั้งความได้เปรียบอื่นๆที่กลุ่มประเทศ MITI-V มีให้ผู้ผลิตทั่วโลกนั้น รวมถึงแรงจูงใจทางภาษีมีมากมาย ทั้งระยะการปลอดภาษี 3 -10 ปี การยกเว้นภาษี หรือลดภาษีนำเข้า และการลดภาษีสินทรัพย์ประเภททุน และวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเกี่ยวข้องกับการส่งออก

ส่วนในระดับโลกคาดว่าสหรัฐจะขึ้นเป็นประเทศมีขีดความสามารถแข่งขันทางการผลิตมากที่สุด ในอีก 5 ปีข้างหน้า  โดยจีนซึ่งปัจจุบันอยู่อันดับหนึ่งจะหล่นลงมาอยู่อันดับ 2

สุภศักดิ์ กล่าวว่า คำว่า “เมดอินยูเอสเอ” กำลังจะหวนกลับมา ตรงข้ามกับมุมมองที่ว่า การผลิตในสหรัฐลดลงตลอดเวลา การผลิตในอนาคตจะต้องมีเทคโนโลยีก้าวหน้า มีการเจริญเติบโตโดยใช้นวัตกรรมในการผลิต การผลิตจะเน้นความยั่งยืน ความอัจฉริยะและความปลอดภัย ซึ่งคาดว่าสหรัฐจะเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำการเปลี่ยนโฉมของธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิต

สิงคโปร์เป็นประเทศที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งผลิตต้นทุนค่อนข้างสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังคงติดกลุ่มประเทศที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงสุดในภูมิภาคในอนาคต ด้วยเพราะแรงงานที่มีการศึกษาสูง บรรยากาศการทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับการลงทุน แรงจูงใจให้ทำวิจัยและพัฒนามีมากมาย สาธารณูปโภคโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพสูง และมีธรรมาภิบาลที่ดี เส้นทางของภาคการผลิตของสิงคโปร์จะได้แรงขับเคลื่อนจากการลงทุนในบุคคลากรมีความสามารถและนวัตกรรม

Manufacturing

1Manufacturing