“มาม่า” เปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ ใช้ ดีเจพุฒิ เจาะวัยรุ่นต่ำกว่า 18 ปี

มาม่า เปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ จาก “อั้ม-พัชราภา” มาเป็น “ดีเจพุฒิ” ขยายฐานตลาดกลุ่มวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี หวังปั๊มยอดขายเพิ่มขึ้น 7% ตามเป้า ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไตรมาสแรกเริ่มขยายตัวแล้ว 1.6% 

1_mama

เวทิต โชควัฒนา กรรมการรองผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการนำนางเอกสาวชื่อดัง “อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ” เป็นพรีเซ็นเตอร์เมื่อปี 2558 จนสามารถกระตุ้นตลาดระดับแมสและช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 40%

ในปี 2559 บริษัทฯ จึงกำหนดแผนการตลาดพร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่คือวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยภายในเดือน มิ.ย. ศกนี้ จะเริ่มจัดกิจกรรม Meet&Greet กับ “ดีเจพุฒิ-พุฒิชัย เกษตรสิน”

งบประมาณการตลาดตามแผนที่กำหนดคือ 250 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกเป็นการเน้นกิจกรรมส่งเสริมการขายในลักษณะ Below the Line เป็นหลัก ส่วนครึ่งปีหลังจะเริ่มใช้สื่อหลัก หรือ Above the Line ตั้งแต่เดือน พ.ค. ศกนี้ เป็นต้นไป

หลังจากที่ภาพรวมตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 14,576 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 เริ่มมีการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 1.6% จากที่อยู่ในระดับ 0.3% เมื่อสิ้นปี 2558 ขณะที่ยอดขายของ “มาม่า” ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2559 (ม.ค.-เม.ย.) มีการเติบโตถึง 12% จึงคาดว่าภายในปี 2558 จะสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น 7% ตามเป้าหมาย

 “จนถึงขณะนี้อาจกล่าวได้ว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยผ่านจุดต่ำสุด รวมถึงปัญหาภัยแล้งและปัจจัยลบอื่นๆ แล้ว เพราะฉะนั้นรัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อแต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ ซึ่งที่ผ่านมาต้องถือว่ารัฐบาลมีการดำเนินงานตามมาตรการต่างๆ อย่างถูกทางแล้ว”

หลังจากที่ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ในภาวะทรงตัวมาถึง 2 ปีเป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปี แต่จากสัญญาณฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงทำให้คาดว่าในปี 2559 ตลาดจะเริ่มกลับมาเติบโตขึ้น โดยตนขอย้ำอีกครั้งว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไม่ได้เป็นเครื่องชี้วัดภาวะเศรษฐกิจแต่อย่างใด เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกตลาดและระบบเศรษฐกิจเท่านั้น ดังจะเห็นได้ว่าในช่วงเศรษฐกิจดีจะสามารถทำยอดขายได้มาก ขณะที่ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีนักก็ยังคงทำยอดขายได้เช่นกัน