แลนดี้ โฮม ทุ่มงบเปิดสำนักงานขายแห่งใหม่บนถนนรามอินทรา รับการเติบโตความต้องการด้านที่อยู่อาศัย คาดปีแรกกวาดยอดกว่า 100 ลบ.

แลนดี้ โฮม ผู้นำธุรกิจรับสร้างบ้านอันดับ 1 ของประเทศไทย มั่นคงด้วยทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท เดินหน้าเปิดสำนักงานขายแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทุ่มงบกว่า 20 ล้านบาท ผุดสำนักงานขายแห่งใหม่บนถนนรามอินทรา พร้อมรับการขยายตัวของเมืองและเครือข่ายคมนาคม

นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการฝ่ายขายบริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมความสำเร็จของแลนดี้ โฮมตลอด 5 เดือนที่ผ่านมาของปี 2559 ว่า แลนดี้โฮม ประสบความสำเร็จทางด้านยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกเป็นอย่างดี เนื่องจากบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างครบครัน อาทิ การจัดแคมเปญโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าให้เร็วยิ่งขึ้น ควบคู่กับการสร้างการรับรู้ (Brand Awareness) ผ่านการจัดกิจกรรมโรดโชว์และเน้นการสื่อสารไปยังลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อการเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว พร้อมกับการสร้างจุดต่างที่เหนือกว่าด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีภายใต้การคัดสรรวัสดุที่มีคุณภาพ ทำให้แลนดี้โฮมสามารถปิดยอดจองสร้างบ้านได้กว่า 300 ล้านบาทนอกจากนี้ แลนดี้ โฮม ยังให้ความสำคัญต่อการพัฒนาการศึกษาด้านดีไซน์จึงได้จัดกิจกรรมประกวดออกแบบบ้าน “แลนดี้ดีไซน์คอนเทสต์”ขึ้น เพื่อเป็นการ เปิดพื้นที่ความคิดสร้างสรรค์ให้แก่เยาวชนไทย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในเรื่องการออกแบบที่อยู่อาศัย (Trendsetter) ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน

การเพิ่มสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง ภายใต้การบริการและนวัตกรรมอันทันสมัย ถือเป็นหนึ่งกลยุทธ์หลักที่ แลนดี้ โฮม ให้ความสำคัญเพื่อนำไปสู่การเติบโตทางธุรกิจ” นางสาวพรรัตน์ มณีรัตนะพร กล่าว “เพื่อให้การบริการที่ครอบคลุม ตอบสนองได้ในทุกความต้องการ แลนดี้ โฮม พร้อมขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่มีมากขึ้นได้อย่างทั่วถึง อีกทั้ง แลนดี้ โฮม ยังมีการควบคุมคุณภาพมาตรฐานการบริการ ตลอดจนการก่อสร้าง ให้ทุกสาขามีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งนี้ความต้องการของลูกค้าในแต่ละเขต หรือจังหวัดมีความแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นแต่ละสาขา จะต้องเข้าใจถึงความต้องการของลูกค้า โดยจะเน้นการบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของลูกค้า ในแต่ละพื้นที่ นอกเหนือการบริการที่ดีแล้ว แลนดี้โฮมยังให้ความสำคัญกับมาตรฐานงานก่อสร้าง ตลอดจนวัสดุที่ได้คุณภาพ เพื่อให้ลูกค้าได้บ้านที่ดีที่สุดตามความต้องการ โดยเน้นสร้างจุดเด่นทางด้านนวัตกรรมอันตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างสูงสุด ทั้งนี้ จากการเติบโตและขยายตัวของทำเลบนถนนรามอินทรา อันเป็นศูนย์รวมธุรกิจขนาดใหญ่และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทำให้ แลนดี้ โฮม มั่นใจแนวโน้มการสร้างแหล่งที่อยู่อาศัยจะเพิ่มขึ้นอีกมาก และด้วยศักยภาพของแลนดี้โฮม ที่เป็นผู้นำด้านการก่อสร้างบ้าน ทั้งนวัตกรรมและการบริการแบบครบวงจร สำนักงานขายน้องใหม่บนถนนรามอินทรา จะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม แบบ One Stop Service ครบ จบ ในที่เดียว ภายใต้มาตรฐานเดียวกันเทียบเท่าทุกสาขา”

ทั้งนี้ โอกาสและปัจจัยบวกสำหรับทำเลย่านรามอินทรานั้น ถือเป็นทำเลที่มีการเติบโตสูงและสามารถตอบสนองการขยายตัวของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก และด้วยศักยภาพของถนนเลียบด่วนรามอินทรา ที่เป็นถนนเชื่อมกับเส้นทางการคมนาคม 3 สายหลัก อันเป็นการดึงการสัญจรจากพื้นที่ต่างๆ มารวมไว้ ทั้งจากพื้นที่ลาดพร้าว จตุจักร รามอินทรา เกษตรนวมินทร์ วัชรพล วังทองหลาง บางเขน บางกะปิ เป็นต้น ซึ่งมีประชากรอยู่อาศัยรวมประมาณกว่า 1.2 ล้านคน เข้าสู่พื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ ทั้งในย่านเอกมัย สุขุมวิท พระราม 9 และเชื่อมไปสู่ถนนย่านสีลม สาทร ได้ อีกทั้งการพัฒนาขึ้นของธุรกิจเอกชน ทั้งศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร แหล่งรวมไลฟ์สไตล์ต่างๆ รวมถึงศูนย์รวมด้านเฟอร์นิเจอร์ การดีไซน์ และการตกแต่งบ้าน ก็ถูกรวมไว้ที่นี่ ตลอดจนการอยู่อาศัยในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ มีบ้านเดี่ยวระดับกลางจนถึงระดับไฮเอนด์ที่มีราคามากกว่า 15 ล้านบาทจนถึงระดับมากกว่า 100 ล้านบาท อยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้เป็นเครื่องชี้วัดได้ว่ากำลังซื้อของผู้คนในย่านดังกล่าวค่อนข้างสูง โดยในอนาคตจะมีโครงการระดับเมกกะโปรเจคของทั้งภาครัฐและเอกชนรอการพัฒนาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการขยายตัวของเมืองไปยังย่านถนนรามอินทรา ทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าที่กำลังจะเปิดให้บริการในอนาคต และมีที่ดินกรรมสิทธิ์ของบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่เข้ามาจับจองพื้นที่การลงทุน ทำให้มองว่าทำเลบนถนนรามอินทราเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีชีวิตชีวา มีสีสัน และเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง คอยขับเคลื่อนให้การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง และมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นได้

นางสาวภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและออกแบบผลิตภัณฑ์บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าแลนดี้ โฮม มีความโดดเด่นในเรื่องของการเป็นแบรนด์เจ้านวัตกรรมของวงการรับสร้างบ้านเมืองไทย เพราะเราวางตำแหน่งทางการตลาดของเราไว้ในฐานะของ Trendsetter ดังนั้น การไม่หยุดนิ่งที่จะมอบนวัตกรรมดีๆ สู่มือผู้บริโภคจึงเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบัน เรานำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ สู่ตลาดมากมาย ซึ่งทุกนวัตกรรมล้วนได้รับการตอบรับ ที่ดีเยี่ยมจากลูกค้าโดยสำนักงานขายสาขารามอินทรา ถือเป็นสาขาที่ 8 ของแลนดี้ โฮม บริษัทฯ จึงขอนำเสนอ 8 นวัตกรรม เด่นๆ สู่มือผู้บริโภค ประกอบด้วย

1. “CP Design” หรือบ้านปลอดแมลงสาบ ที่มีการจัดระบบสุขาภิบาลอันทันสมัย พร้อมมุ่งเน้นการออกแบบเพื่อตัดวงจรชีวิตของแมลงสาบ ทำให้บ้านทุกหลังที่ปลูกสร้างกับ แลนดี้ โฮม ไร้ปัญหาแมลงสาบกวนใจได้เกือบ 100% โดยไม่พึ่งพาสารเคมี

2. “NOVA SYSTEM” ระบบการก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูป ที่ใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างขั้นสูงจากญี่ปุ่น มีการควบคุมคุณภาพชิ้นส่วนทุกขั้นตอนการผลิตจากโรงงาน ทำให้ได้วัสดุที่มีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด โดยมีจุดเด่นที่ความรวดเร็วในการก่อสร้าง และช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งมีระบบการเชื่อมเสาและคานโดยเหล็กรูปพรรณแบบ Multi Joint Lock ให้ลูกค้ามั่นใจกับความแข็งแรงที่มากกว่า พร้อมรับประกันโครงสร้างยาวนานถึง 20 ปี

3. “Landy Elder Care” นวัตกรรมบ้านผู้สูงอายุ ที่สามารถเอื้อต่อผู้สูงอายุ ที่มีข้อจำกัดด้านสุขภาพและร่างกาย ให้สามารถใช้ชีวิตในบ้านได้อย่างสะดวกสบาย ภายใต้การคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ

4. “FR System (Flood Resistant System)” หรือระบบต้านภัยน้ำท่วม จากการสร้างสรรค์แบบบ้านให้สามารถป้องกัน และหลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติที่คาดไม่ถึง โดยการวางระบบไฟฟ้าแยกส่วนระหว่างชั้นบ้าน เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการตัดไฟเฉพาะจุดเมื่อเกิดน้ำท่วม

5. “Landy 3D Design” เทคโนโลยีโปรแกรมที่ช่วยให้ลูกค้าได้เห็นบ้านในรูปแบบ 3 มิติก่อนก่อสร้างจริง ช่วยให้บ้านทุกแบบสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า ด้วยการคำนวณแบบ Automatic ที่มีความแม่นยำสูง สามารถสัมผัสได้ทุกมุมมองภายในบ้าน ช่วยให้สถาปนิกถ่ายทอดแนวคิดได้ตรงความต้องการของลูกค้าได้อย่างสูงสุด

6. “Landy Work Flow System” หรือระบบติดตามงานอัจฉริยะ ที่ใช้บริหารการทำงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เป็นลำดับขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลาที่บ้านของลูกค้าอยู่ระหว่างการปลูกสร้าง จะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากวิศวกรมืออาชีพ ในการเข้าควบคุม Site งาน และรายงานผลการก่อสร้างให้ลูกค้ารับทราบอย่างต่อเนื่องในทุกขั้นตอน ผ่านระบบการติดตามงาน ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบัน

7. “ควบคุมคุณภาพ” (QC) เพื่อให้ลูกค้าได้บ้านที่สมบูรณ์แบบที่สุด แลนดี้ โฮม มีระบบตรวจเช็คการก่อสร้างทุกขั้นตอน (QC) กว่า 500 รายการ ตั้งแต่ผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างสำเร็จรูปจากโรงงานจนถึงประกอบเป็นโครงสร้างจนงานสร้างเสร็จ โดยแต่ละขั้นตอนจะมีผู้เชี่ยวชาญเข้าตรวจงานอย่างสม่ำเสมอและรายงานผลให้ลูกค้าทราบความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง

และ 8. “XSPACE by LANDY HOME” บ้านโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูป ที่ได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาช่วยในการผลิต ทำให้โครงสร้างที่ได้มีความแข็งแรง ไม่เกิดสนิม สามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว ลดการใช้ทรัพยากร อีกทั้งยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างได้

จากศักยภาพของกลุ่มผู้บริโภคในย่านถนนรามอินทราและพื้นที่ใกล้เคียงที่มีกำลังซื้อสูง และมีความนิยมสร้างบ้านในระดับกลางจนถึงระดับไฮเอนด์ ทำให้ แลนดี้ โฮม วางเป้าการขายของสาขาแห่งใหม่บนถนนรามอินทรา ในช่วงปีแรกไว้ที่ 100 ล้านบาท โดยเน้นที่ตลาดบ้านระดับกลางราคา 7-15 ล้านบาท จนถึงบ้านหลังใหญ่ ภายใต้ แบรนด์แลนดี้ลักซ์ ชัวรี่ (Landy Luxury) ในระดับราคา 15-40 ล้านบาท ด้วยจุดเด่นด้านการดีไซน์ที่สามารถตอบสนองในทุกความต้องการ โดยคัดสรรวัสดุการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน ดูดีมีระดับ สามารถตอบสนองลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้อย่างลงตัว ทั้งนี้ ในช่วงเปิดสำนักงานขายแห่งใหม่นี้ แลนดี้ โฮม ได้จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายใต้แนวคิด ‘8 นวัตกรรม กับแบบบ้าน 8 ไลฟ์สไตล์’ โดยได้มอบแคมเปญโปรโมชั่นพิเศษแบบสุดคุ้มเพื่อมอบให้แก่ลูกค้าอย่างจุใจ อาทิ รับฟรี Home Theater BOSE รุ่น Sound touch , จองเท่าไหร่ ลดเท่านั้น สูงสุด 200,000 บาท , ฟรีเสาเข็มเจาะ พร้อมส่วนลดสร้างบ้านสูงสุด 3.3 ล้านบาท และพิเศษยิ่งกว่านั้น เนื่องจากสาขาใหม่รามอินทรา เปิดเป็นสาขาที่ 8 จึงมอบแคมเปญพิเศษสุด รับฟรีทองคำ 8 บาท สำหรับลูกค้าที่จองสร้างบ้านในราคา 7 ล้านบาทขึ้นไปนางสาวภัทรา มณีรัตนะพร กล่าว

ขณะที่นายพานิช มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายก่อสร้างและบริหารสำนักงานบริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัดกล่าวถึงภาพรวมประสิทธิภาพการก่อสร้างและมาตรฐานการบริการของ แลนดี้ โฮม ว่า บริษัทฯมุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานการบริการที่สมบูรณ์แบบ ตลอดจนมาตรฐานงานก่อสร้าง เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ซึ่งลูกค้าที่สร้างบ้านกับแลนดี้ โฮม จะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ผ่านเทคโนโลยีนวัตกรรม Landy Work Flow System” หรือระบบติดตามงานอัจฉริยะ ที่ใช้บริหารการทำงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้เป็นลำดับขั้นตอนอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดระยะเวลาที่บ้านของลูกค้าอยู่ระหว่างการปลูกสร้าง จะมีทีมวิศวกรมืออาชีพเข้าดูแลความเรียบร้อยบริเวณหน้างาน และรายงานผลการก่อสร้างให้ลูกค้าทราบแบบต่อเนื่องทุกขั้นตอน ผ่านระบบการติดตามงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปัจจุบัน ทำให้ลูกค้าคลายความกังวลในช่วงระหว่างการก่อสร้างบ้านได้รวมถึง แลนดี้ โฮม ยังมีการนำนวัตกรรมระบบการก่อสร้างกึ่งสำเร็จรูป “NOVA SYSTEM” ที่ใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างขั้นสูงจากญี่ปุ่น ที่มีการควบคุมคุณภาพชิ้นส่วนทุกขั้นตอนการผลิตจากโรงงานทำให้ได้วัสดุที่มีมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด โดยมีจุดเด่นที่ความรวดเร็วในการก่อสร้าง และช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งมีระบบการเชื่อมเสาและคานโดยเหล็กรูปพรรณแบบ Multi Joint Lockให้ลูกค้ามั่นใจกับความแข็งแรงที่มากกว่า พร้อมรับประกันโครงสร้างยาวนานถึง 20 ปีทั้งยังมีการ “ควบคุมคุณภาพ (QC)” ที่มีระบบตรวจเช็คการก่อสร้างทุกขั้นตอนกว่า 500 รายการ โดยผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือที่ทันสมัย ตั้งแต่ผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างสำเร็จรูปจากโรงงาน จนถึงประกอบเป็นโครงสร้างจนงานสร้างเสร็จ ซึ่งแต่ละขั้นตอนมีการตรวจงานอย่างสม่ำเสมอ และรายงานผลให้ลูกค้าทราบความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมการันตีด้วยการรับรองมาตรฐาน ISO 9001:2008 จาก UNITED KINGDOM ACCREDITATION SERVICE (UKAS) ประเทศอังกฤษ อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ด้วยทุนจดทะเบียนสูงถึง 200 ล้านบาท ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้าน ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าบ้านทุกหลัง ที่สร้างกับ แลนดี้ โฮม จะถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ได้อย่างแน่นอน

ด้านมุมมองของ แลนดี้ โฮม ต่อภาพรวมและทิศทางของธุรกิจรับสร้างบ้านเมืองไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 นั้น บริษัทฯ มองว่า ทิศทางน่าจะเป็นบวกต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เพราะในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา พบความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น โดยมูลค่าการก่อสร้างขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสก่อน อีกทั้งผู้บริโภคมีอัตราปลูกสร้างบ้านมากขึ้น โดยนิยมเลือกใช้บริการผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นมืออาชีพ มากกว่าการจ้างผู้รับเหมารายย่อย เพราะต้องการความน่าเชื่อถือ และความสะดวกสบาย พร้อมการบริการแบบครบวงจร โดยในปัจจุบันมีบริษัทรับสร้างบ้านรายใหม่เข้าสู่ตลาดเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดมากยิ่งขึ้น จึงเกิดการแข่งขันที่รุนแรง ฉะนั้นจึงต้องสร้างความน่าสนใจในแคมเปญโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า พร้อมสร้างความแตกต่างทั้งรูปแบบการดีไซน์และวัสดุที่ได้มาตรฐาน อีกทั้งการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาใช้ เพื่อช่วยลดปัญหาการจ้างแรงงาน และเพิ่มความรวดเร็วในการก่อสร้าง โดยยังคงรักษามาตรฐานของการก่อสร้าง และสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน พร้อมทั้งมีการพัฒนาแบบบ้านที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและเหมาะกับการอยู่อาศัยของคนทุกวัย ภายใต้การบริการที่ดีเยี่ยม