ซ้อเจ็ด เจ้าแม่กอสซิปตัวจริง

“ซ้อเจ็ด” เริ่มต้นเขย่าโลกออนไลน์และโลกบันเทิงด้วยคอลัมน์ “บีบสิว” เมื่อต้นปี 2544 เพียงแค่ผลงานชิ้นแรกก็ฮอตฮิตติดลมบน จากนั้นทั้งเรื่องเกย์ ชู้ สำส่อน มั่วยา ขายตัว เรื่อยไปจนกระทั่งถึงเรื่องมหภาคอย่างนักการเมืองโกงกินชาติ ซ้อเจ็ดก็งัดแงะ แกะเกามาสาธยายแทบหมดเปลือกแบบเผ็ดร้อน รุนแรง ด้วยบรรยายโวหารชั้นเซียน รวมถึงการบัญญัติศัพท์ใหม่ๆ เช่น ซินาอ้า ชนิดที่เรียกว่าราชบัณฑิตยสถานต้องกุมขมับกันเลยทีเดียว

ซ้อเจ็ดตัวจริงเสียงจริง เปิดใจให้สัมภาษณ์พิเศษกับ POSITIONING ถึงเส้นทางความดัง ตัวตน และไลฟ์สไตล์ที่ยังไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน

เส้นทางกำเนิดซ้อเจ็ด

“สตรีวัยกลางคน อายุ 45 ปี ผมหยักศก อกอิ่ม รูปร่างสมส่วน สุขภาพดี หน้าตาสดใส ไม่นิยมการแต่งหน้า เป็นภริยาท่านทูตต่างชาติ รสนิยมดี การศึกษาดี เป็นคนสู่รู้ มีอารมณ์ขัน ตลกร้าย ตรงไปตรงมา กระนั่นแม้จะปากคอจัดจ้าน ในความดิบนั้นก็มีมโนธรรม มีคุณธรรมแฝงอยู่ในบางเรื่อง” คือคำบรรยายคาแร็กเตอร์ของซ้อเจ็ดที่ถูกสร้างขึ้นมาและถอดแบบมาจากผู้อยู่เบื้องหลังนามปากกาซ้อเจ็ดตัวจริง

คำสั่งจากสนธิ ลิ้มทองกุล ส่งตรงมายังเจ้าของนามปากกาซ้อเจ็ด ให้เปิดคอลัมน์ซุบซิบเพื่อดึงคนอ่านให้ได้หลักหมื่น จากในขณะนั้น ปี 2543 ผู้จัดการออนไลน์มียอดคนอ่านเพียง 3,000 คนต่อวัน ซึ่งกลายเป็นจุดเติบโตแบบก้าวกระโดดของผู้จัดการออนไลน์

“ตอนนั้นผู้จัดการออนไลน์มีคนอ่านนิดเดียว อยู่อันดับ 40 ซ้อเจ็ดจึงเหมือนประตูเปิดให้คนได้รู้จัก manager.co.th”

ปัจจุบันจากการจัดอันดับของทรูฮิตพบว่า www.manager.co.th อยู่อันดับที่ 4 และเป็นเว็บไซต์ข่าวเดียวที่ติดอันดับ Top 10

ดังนั้นซ้อเจ็ดจึงเป็นหนึ่งในผู้สร้างสำคัญของผู้จัดการออนไลน์ แต่ละเรื่องมีจำนวนคนอ่านผ่านเว็บไซต์ของผู้จัดการออนไลน์ ไม่ต่ำกว่า 50,000 ครั้ง ขณะที่บางเรื่องพุ่งขึ้นสูงเกิน 100,000 ครั้ง (ไม่นับรวมการอ่านจากเว็บไซต์อื่นที่นำไปโพสต์ต่ออีกที) ขณะที่รายการค้นหาของซ้อเจ็ดจาก google.co.th มีสูงถึง 100,000 รายการ

นามปากกา “ซ้อเจ็ด” เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในช่วงเวลานั้น ซึ่งมีการอุ้มฆ่าของตระกูลซอสภูเขาทอง ซึ่งคนที่ถูกอุ้มคนสุดท้ายเป็นซ้อคนที่เจ็ด

ด้วยสไตล์การเขียนของซ้อเจ็ดที่ดุเด็ด เผ็ดมัน ถึงลูกถึงคน ไม่ใช่อักษรย่อ มีการเล่าเรื่องที่น่าติดตาม ซึ่งเป็นการสร้างจุดขายที่แตกต่างจากข่าวซุบซิบยุคเก่า

“ไม่อยากเหมือนยิ่งยง แหย่ดารา ของไทยรัฐ ตั้งแต่เปิดคอลัมน์มา ไม่เคยใช้อักษรย่อเลยซักครั้งเดียว การไม่ใช่อักษรย่อทำให้คนอ่านได้เกิดจินตนาการ เกิดการถกเถียงและคาดเดากันต่อไป ซึ่งซ้อเจ็ดหรือทีมงานไม่เคยเฉลยคำตอบเลย แต่คนที่มาเฉลยคือคนอ่าน ซึ่งช่วยกันคิดช่วยกันวิเคราะห์ว่าเป็นใคร”

ดังนั้นคอลัมน์ของซ้อเจ็ดจึงเป็นตัวอย่างของเว็บบอร์ดที่มีการตอบกระทู้มากที่สุด ตั้งแต่หลักหลายร้อยจนทะลุหลักพัน

ขณะที่ซ้อเจ็ดเป็นที่นิยมของแฟนคลับ อีกด้านศัตรูของซ้อเจ็ดก็เพิ่มจำนวนขึ้นทุกสัปดาห์ บางสัปดาห์มีคู่กรณีนับสิบราย ถึงกับมีพระเอกคาสโนวาประกาศจะล่าซ้อเจ็ด ด้วยค่าหัว 70 ล้านบาท

ซ้อเจ็ดรีเทิร์น “ยำใหญ่นักการเมือง”

ในอดีตซ้อเจ็ดจะอัพโหลดเรื่องราวใหม่ๆ ทุกเย็นวันศุกร์ สุดสัปดาห์ หลังเกิดเหตุการณ์อำนาจมืดในช่วงก่อนปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ข่มขู่จะปิดผู้จัดการออนไลน์ หากซ้อเจ็ดยังคงฤทธิ์เยอะอยู่

ซ้อเจ็ดเงียบหายไปกว่า 2 ปี ก่อนจะกลับมาเขย่าวงการบันเทิงอีกครั้ง นับเป็นการ Come back ที่ไม่ได้ด้อยดีกรีความแรงลงไปกว่าเดิมแม้เพียงนิด พร้อมกับเปลี่ยนชื่อจากคอลัมน์ “บีบสิว” พัฒนาการเป็น “บีบสิวหัวช้าง” สะท้อนถึงเรื่องเมาท์ที่ต้องแรงและบิ๊กเบิ้มกว่าเดิม โดยเปลี่ยนมาอัพเดตเรื่องใหม่ทุกเย็นวันจันทร์แทน

โดยมีเรื่องราวฉาวโฉ่ของนักการเมืองและครอบครัวมาตีแผ่แบบหมดเปลือก มิหนำซ้ำยังพ่วงโยงไปถึงดารา นักร้อง ก็ยิ่งทำให้เรื่องของซ้อเจ็ดประหนึ่งบทละครประโลมโลกที่ตัวละครโลดแล่นอยู่ในชีวิตจริง

ซ้อเจ็ดทำงานอย่างไร

หากจะถามว่าซ้อเจ็ดมีแหล่งข่าวจากที่ไหน หาข่าวมาได้อย่างไร ซ้อเจ็ดบอกว่าส่วนใหญ่ออกล่าข่าวด้วยตัวเอง และปีแรกเขียนข่าวทุกข่าวด้วยตัวเอง จากนั้นเริ่มมีทีมงานเข้ามาช่วย จาก 3 คนเป็น 5 คน แต่สุดท้ายแล้วซ้อเจ็ดจะเป็นคนกลั่นกรองข้อมูล และรีไรต์สำนวนด้วยตัวเอง เพื่อให้งานเขียนดูมีตรรกะมากขึ้น

ข้อมูลต่างๆ ที่นำมาบอกเล่า ที่เก็บสะสมมาจากวงเหล้า ตามผับ ตามบาร์ “เด็กเที่ยว” และ “สาวไซด์ไลน์” เป็นแหล่งข่าวชั้นดีซึ่งมีประสบการณ์ตรง หยิบยื่นข้อมูล Exclusive แลกกับเงินค่าเรื่องประมาณ 2,500 บาท เป็นต้น

“เที่ยวกลางคืนเก่งมาก ตั้งแต่ ม.4 สมัยที่มาช่าขึ้นเต้นบนลำโพงที่เดอะ พาเลซ และเที่ยวเอดิสัน สเก็ต แถวศรีย่านก็เจออยู่บ่อยๆ”

เรื่องเล่าในวงเหล้า มักจะได้เรื่องเด็ดๆ เสมอ ซ้อเจ็ดบอกว่าตัวเองเป็นตัวฮาประจำกลุ่ม ชอบขี้อำ และปากจะจัดมากขึ้นเป็นลำดับตามฤทธิ์แอลกอฮอล์

แม้จะเป็นข่าวเมาท์ แต่การทำงานก็เข้มข้นไม่แพ้ข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข้อมูลชั้นดีที่ได้มา ซ้อเจ็ดจะต้องทำการ Re-check ทุกครั้งอีก 3-4 รอบ ทั้งความถูกต้อง ภาษาที่ใช้ และการดูตัวบทกฎหมายว่าจะถูกฟ้องหรือไม่ นั่นทำให้ข่าวเมาท์ของซ้อเจ็ดกลายเป็นข่าวจริง เร้าอารมณ์ และแทบไม่เคยผิดพลาดเลย

“เห็บ เหา โลน” เกาะอยู่ใต้เตียงชาวบ้าน กลายเป็นคำกระแทกแดกดันที่พบได้ทุกครั้งเมื่อซ้อเจ็ดเปิดประเด็นข่าวฉาวคาวรัก แต่ซ้อเจ็ดหาได้สนใจไม่

“สิ่งที่เขียนมี Fact 70% และ Fansy อีก 30% เพื่อให้เรื่องสนุกมีสีสันด้วยภาษาที่น่าดึงดูดมากขึ้น แต่ถ้าไม่มีความจริงเลย คนก็บอกตอแหล แต่ถ้ามีส่วนประกอบนี้จะทำให้คนได้คิดตาม อันไหนจริง อันไหนจินตนาการ สุดท้ายประเด็นสำคัญคือทำยังไงให้คนเชื่อ”

ขณะที่การเขียนเรื่องก็ใช้กลยุทธ์ร้อยเรียงเหมือนเรื่องสั้น เพื่อให้อ่านสนุก น่าติดตาม โดยซ้อเจ็ดมีนักเขียนในดวงใจคือ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช และยาขอบ

“สไตล์การเขียนมาจาก ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ใน 1 ประโยคต้องมีอะไรขำๆ แดกดัน ขณะที่ยาขอบจะเด่นในการเล่าเรื่อง”

ทำไมซ้อเจ็ดถึงดังได้ดังดี

ซ้อเจ็ดนับเป็นตัวอย่างของคนดังซึ่งเกิดจากอินเทอร์เน็ตแต่โด่งดังในระดับแมสยิ่งกว่าทำราย
การทางฟรีทีวีเสียอีก เป็นคนดังที่เกิดจากผลงานที่แตกต่างและเป็นคนดังที่เกิดจาก “ความอยากรู้อยากเห็น” ในเรื่องลับ เรื่องคาวของคนสาธารณะ

“สังคมมันเฮงซวย งี่เง่า ไร้สติ สังคมไร้สติก็ต้องอยู่กับเรื่องไรสติ ไม่งั้นละครช่อง 7 ก็คงไม่ซ้ำซาก มีคนบอกว่าซ้อเจ็ดเป็นเหมือนผู้พิทักษ์ความถูกต้อง ความจริงให้กับสังคม เปิดหูเปิดตาให้คนอ่าน โดยซ้อเจ็ดจะต่อต้านคนที่ทำผิดศีลธรรมและฉายภาพแย่ๆ ของคนเหล่านี้”

กรณีของนางเอกเบนโล ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ยืนยันว่างานเขียนซ้อเจ็ดถูกต้องและเป็นจริง

ส่วนใครที่เข้าสู่วังวนการเมาท์ของซ้อเจ็ด ประหนึ่งว่าชีวิตได้เปิดตำนานอัปยศแบบไม่มีวันได้ผุดได้เกิด และพร้อมที่จะจารึกไว้ตราบสิ้นดินฟ้าเลยทีเดียว

“นี่ไงคือการลงโทษ เพราะทำเลวไว้ เรตติ้งก็ตก ภาพลักษณ์เสียหาย ถูกถอดจากละคร ถูกถอดจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ แสดงว่าคนเขาเชื่อในสิ่งที่เขาอ่านจากเรา แต่จริงๆ แล้วมันเกิดจากพฤติกรรมของเขาเอง ไม่ใช่เพราะเรา เราแค่ไปรู้มาและมาเล่าต่อ” ซ้อเจ็ดเอ่ยถึงตัวอย่างของพระเอกคู่กรณีที่เป็นข่าวคราวใหญ่โต

ว่ากันว่า “ข่าวบันเทิง” เป็นข่าวที่มีความน่าเชื่อถือระดับสูง โดยเฉพาะข่าวเมาท์ๆ ทั้งหลาย เพราะอีกไม่นาน (ไม่ถึงชั่วอายุคน) ความจริงก็เปิดเผยและส่วนใหญ่มักจะตรงกับข่าวเมาท์ที่ออกไปก่อนหน้า สำหรับซ้อเจ็ดเอง ก็มีมาตรฐานของการเมาท์ในระดับสูง จากการ Checklist ประวัติการทำงานของซ้อเจ็ด พบเรื่องจริง กับ คำเมาท์ ตรงกันอยู่มากโข

ด้วยเหตุที่ซ้อเจ็ด กล้า บ้าบิ่น ปะ ฉะ ดะกับทั้งดารา ไฮโซ นักการเมือง ทำให้ได้รับความนิยมจากแฟนคลับอย่างคับคั่ง อีกทั้ง “ความน่าเชื่อถือ” จากผลงานที่มาผ่านมาทำให้ซ้อเจ็ดกลายเป็น “ตัวแม่” ของวงการขาเมาท์ไปโดยปริยาย

ไม่เพียงเท่านั้น ซ้อเจ็ดยังคงส่งอิทธิพลทำให้เกิดคอลัมน์ประเภทเมาท์ๆ ในนิตยสารบันเทิงตามมา และไปไกลกว่านั้นนิตยสารแนวซุบซิบบันเทิง ก็พาเหรดเปิดหัวลงแผงกันเป็นทิวแถว แต่ก็ไม่สามารถสร้างกระแสได้ทัดเทียมซ้อเจ็ดได้

“บางเล่มใช้คำแรงจนดูโง่เกินไป เราแรงจริง เราถ่อย เราดิบ แต่เราไม่ต่ำ ไม่โลว์เทสต์ เราเป็นเมียท่านทูตนะ อย่างน้อยก็จบเอกชนสตรีชั้นนำ (หัวเราะ)”

เกินครึ่งของหัวหน้าข่าวบันเทิงในนิตยสารแนวนี้เคยเป็นลูกน้องซ้อเจ็ดมาก่อน แต่ไม่ว่าจะมีอีกกี่สิบเจ๊ อีกกี่สิบซ้อ มือวางอันดับ 1 ข่าวซุบซิบวงการบันเทิงก็ยังเป็นซ้อเจ็ด

ตัวตนของนักปั้นคาแร็กเตอร์ “ซ้อเจ็ด”

ซ้อเจ็ดนับเป็นกูรูเรื่องข่าวซุบซิบทั้งปวง ทั้งบันเทิง การเมือง และไฮโซ แต่เมื่อถอดหัวโขนของการเป็นซ้อเจ็ดออก ก็ดูจะมีมุมมองชีวิตอื่นที่น่าสนใจไม่น้อย

“ชอบอ่านข่าวกีฬา ข่าวสุขภาพ การเมือง และต่อด้วยบันเทิง แต่จริงๆ แล้ว แทบไม่อ่านข่าวบันเทิงในหนังสือพิมพ์เลย เพราะมันช้า เรารู้หมดแล้ว”

เห็นมาดมั่น ท่องราตรีเป็นนิจศีลแบบนี้ แต่ความจริงแล้วซ้อเจ็ดเป็นคนที่รักสุขภาพเป็นอย่างมาก และชอบทานอาหารทั้งจากร้านดัง และเข้าครัวทำทานเอง

“ไม่อยากทานแป้งตอนเช้า ทานเต้าหู้แทน เพราะให้พลังงานสูงเหมือนกัน ทำให้ระบบขับถ่ายดี มื้อเที่ยงจะทานให้หนัก ชอบทานเนื้อ โชคดีที่ข้างออฟฟิศมีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ”

ด้วยไลฟ์สไตล์ที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวแบบ “ตระเวนกิน” ทำให้ซ้อเจ็ดได้ลิ้มรสเมนูเด็ดต่างแดน โดยเฉพาะสิงคโปร์ เป็นประเทศที่ใครๆ บอกว่าไม่มีอะไร แต่ซ้อเจ็ดยืนยันว่ามี

“ข้าวมันไก่ร้านบุนท่องกี่อร่อยที่สุดในโลกแล้ว เต้าหู้ทอดจิ้มมายองเนสก็อร่อยมาก”

เวลาว่างซ้อเจ็ดชอบดูละครเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเขียนงาน ชอบดูหนังหลากแนวทั้งตลก และแอคชั่น โดยมีหนังเรื่องโปรดคืออินเดียนน่าโจนส์

“เป็นหนังที่ลงตัวระหว่างความขำ ไสยศาสตร์ และการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน”

ขณะที่เรื่องเพลง ซ้อเจ็ดก็มีความรู้ไม่ด้อยไปกว่าใคร และชอบฟังเพลงแทบทุกแนว

“ฟังเพลงคลาสสิกเพื่อผ่อนคลาย ฟังเพลงลูกทุ่งยุคเก่าเมื่อต้องการความโรแมนติก ฟังเพลงร็อกตอนอยากเมา”

ซ้อเจ็ดบอกทิ้งทายว่า ทุกวันนี้เริ่มเบื่อ หมดความอยาก และพานอยากจะเลิกเขียนและปิดคอลัมน์ไปเลย เพราะชักจะหมดแรงบันดาลใจเข้าไปทุกที

“เริ่มเบื่อในความผิดศีลธรรมซ้ำซาก ติดยา เป็นชู้ โกงกิน มันต้องมีตัวละครใหม่ๆ เข้ามา แม้ในสต๊อกจะมีตัวละครเยอะ แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จัก หรือรู้จักในวงแคบ ซึ่งไม่พอ เพราะถ้าเขียนไปแล้วคนไม่รู้จัก เดาไม่ถูก ก็แป๊ก หมดสนุกทั้งคนเขียนคนอ่าน”

ส่วนทั้งแฟนคลับและแฟนแค้น ก็สามารถไปพบเจอซ้อเจ็ดได้ที่ม็อบพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย เพราะที่ซ้อเจ็ดขอลาไปประท้วงนั้น ซ้อเจ็ดไปจริงๆ