เฮงเค็ลเข้าซื้อกิจการ ซัน โปรดักส์ คอร์ปอเรชั่น จาก เวสตาร์ แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส

  • เฮงเค็ลจะกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับสองในตลาดผลิตภัณฑ์ซักล้างในอเมริกาเหนือ
  • เสริมพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ให้น่าสนใจด้วยแบรนด์ชั้นนำอันแข็งแกร่ง

เฮงเค็ลลงนามในข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในบริษัทผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน เดอะ ซัน โปรดักส์ คอร์ปอเรชั่น (The Sun Products Corporation) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองวิลตัน รัฐคอนเนคติกัต สหรัฐอเมริกา จาก เวสตาร์ แคปิตอล พาร์ทเนอร์ส (Vestar Capital Partners) การซื้อขายนี้มีมูลค่าราว 3,200 ล้านยูโร (หรือ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐ) ซึ่งรวมไปถึงมูลค่าหนี้ด้วย

“การซื้อขายในครั้งนี้ถือเป็นการเคลื่อนไหวทางกลยุทธ์ครั้งใหญ่สำหรับเฮงเค็ล อเมริกาเหนือเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่สำคัญที่สุดของเราในทั่วโลก การเข้าซื้อกิจการของ ซันส์ โปรดักส์ ทำให้เราสามารถปรับปรุงสถานะของเราในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดผลิตภัณฑ์ซักล้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมไปถึงแคนาดาด้วย” ฮานส์ แวน ไบเล่น ประธานกรรมการบริหาร (ซีอีโอ) กล่าว

การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้เฮงเค็ลเป็นผู้นำอันดับสองในตลาดผลิตภัณฑ์ซักล้างในอเมริกาเหนือ

ซัน โปรดักส์ มีพอร์ตโฟลิโอแบรนด์ผลิตภัณฑ์ซักล้างชั้นนำ อาทิ ออล (all®) และ ซัน (Sun®) รวมไปถึงแบรนด์ผลิตภัณฑ์ปรับผ้านุ่ม สนักเกิล (Snuggle®) บริษัทฯได้พัฒนาและผลิตแบรนด์ผลิตภัณฑ์ซักล้างให้กับห้างค้าปลีกชั้นนำในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ในปีงบประมาณพ.ศ. 2558 บริษัทฯมียอดขายราว 1,400 ล้านยูโร (หรือ 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซัน โปรดักส์มีพนักงานกว่า 2,000 คน มีโรงงานผลิต 2 แห่ง และมีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ 1 แห่งในสหรัฐอเมริกา

“ซัน โปรดักส์จะช่วยเติมเต็มและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่พอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนที่เรามีอยู่ด้วยหลากหลายแบรนด์ชั้นนำที่เป็นที่ยอมรับและประสบความสำเร็จในภูมิภาคอเมริกาเหนือ” บรูโน เพียเซนซ่า รองกรรมการผู้จัดการ รับผิดชอบธุรกิจผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน กล่าว “แบรนด์ของซัน โปรดักส์ จะทำให้เราสามารถยกระดับความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของเฮงเค็ลและกระชับสัมพันธ์กับคู่ค้าในภูมิภาคอเมริกาเหนือยิ่งขึ้น”

การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะบรรลุผลเมื่อได้รับการอนุมัติจากฝ่ายกำกับดูแลและเงื่อนไขประกอบอื่นๆ

อเมริกาเหนือคือหนึ่งในภูมิภาคที่สำคัญที่สุดของเฮงเค็ล โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่สร้างรายได้สูงที่สุดในบรรดาตลาดทั่วโลก ปัจจุบัน เฮงเค็ลมีพนักงานกว่า 6,000 คนในภูมิภาคนี้ และดำเนินธุรกิจในสามกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม และเทคโนโลยีกาว แบรนด์สำหรับผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรมซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในสหรัฐอเมริกา อาทิ ผงซักฟอกเพอร์ซิล (Persil) และพูเร็กซ์ (Purex) แบรนด์สำหรับผู้บริโภคและสำหรับธุรกิจซาลอนผมระดับมืออาชีพ ชวาร์สคอฟ (Schwarzkopf) แบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย ไดอัล (Dial) และกาวล็อคไทท์(Loctite)

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ยอดขายในอเมริกาเหนือมีมูลค่ารวมมากกว่า 3,600 ล้านยูโร (หรือ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ธุรกิจในภูมิภาคนี้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเข้าซื้อกิจการแบบบูรณาการ อาทิ ล็อคไทท์ ไดอัล ธุรกิจกาวของบริษัทเนชั่นแนล สตาร์ช (National Starch) รวมไปถึงบริษัทผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมสำหรับมืออาชีพ เซ็กซี่ แฮร์ (Sexy Hair) เคนร่า (Kenra) และ อัลเทอน่า (Alterna)

บริษัทเพอเรลลา ไวน์เบิร์ก พาร์เนอร์ส (Perella Weinberg Partners) และ บริษัท เครดิต ซูอิส (Credit Suisse) จะทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางการเงิน ในขณะที่บริษัท เคลียรี่ กอทลีบ สตีน แอนด์ แฮมมิลทัน แอลแอลพี (Cleary Gottlieb Steen & Hamilton LLP) เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้แก่เฮงเค็ล ในด้านที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อกิจการ การเข้าซื้อกิจการนี้จะใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมทั้งหมด จากด๊อยช์ แบงก์ (Deutsche Bank) เจพี มอร์แกน (JP Morgan) และบีเอ็นพี พารีบาส (BNP Paribas)