ศึกแห่งคอนเทนต์! “เอไอเอส” ผนึก “แกรมมี่” เติมคอนเทนต์ใส่ AIS PLAY

ในยุคของการใช้ 3G และ 4G ครอบคลุมเกือบทั่วทั้งประเทศ ทำให้พฤติกรรมการใช้งานดาต้าอินเทอร์เน็ตสูงขึ้น เป็นผลทำให้การแข่งขันของโอเปอเรเตอร์เครือข่ายมือถือไม่ได้อยู่แค่ที่บริการเครือข่ายเท่านั้น แต่คอนเทนต์กลายเป็นอาวุธสำคัญที่เข้ามาเติมเต็มจิ๊กซอว์ให้สมบูรณ์ขึ้น

เอไอเอสได้มีวิดีโอ แพลตฟอร์มอย่าง AIS PLAY ที่มีคอนเทนต์วิดีโอสำหรับลูกค้าเอไอเอสโดยเฉพาะ เพื่อเข้ามาเติมเต็มไลฟ์สไตล์ ได้เปิดให้บริการแล้ว 1 ปี ส่วนใหญ่เป็นจะเป็นดูทีวี ภาพยนตร์ ซีรีส์

ในตอนนี้ทางทรูได้คอนเทนต์ของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษไปครอง ทำให้เอไอเอสต้องรีบเสริมทัพคอนเทนต์ด้วยการเป็นพันธมิตรกับทางแกรมมี่ในการนำคอนเทนต์ป้อนเข้าแพลตฟอร์ม AIS PLAY 

จริงๆ แล้วทางเอไอเอสเป็นพันธมิตรกับทางจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่มายาวนานเป็น 10 ปีแล้ว แต่ในการร่วมมือครั้งนี้เป็นการนำคอนเทนต์จากจีเอ็มเอ็ม บราโวที่เป็นยูนิตใหม่ในการทำคอนเทนต์ของแกรมมี่ ทางแกรมมี่เองก็ต้องการหาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับเผยแพร่คอนเทนต์ใหม่นี้ เป็นกลยุทธ์ Total Viewer Experience ให้ผู้บริโภคได้ดูหลายจอนอกจากทีวี ส่วนทางเอไอเอสก็ต้องการคอนเทนต์มาเติมเต็มมากขึ้น

โดยที่เน้นไปในส่วนของคอนเทนต์บันเทิง เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนได้กว้าง การร่วมมือครั้งนี้มีคอนเทนต์ 3 ประเภทด้วยกันที่มองว่าเป็น Killer Content แตกต่างจากวิดีโอแพลตฟอร์มรายอื่น ได้แก่ 1.LIVE Streaming Concert ถ่ายทอดคอนเสิร์ตใหญ่ของแกรมมี่กว่า 10 คอนเสิร์ตบนแอป AIS Play และ AIS Playbox 2.ซีรีส์ชุดพิเศษ และ 3.Artist Story ที่จะมีฉายในช่องจีเอ็มเอ็ม 25 และชมย้อนหลังได้ที่ AIS Play และ AIS Playbox เท่านั้น 

1_ais

ปรัธนา ลีลพนัง รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด เอไอเอส กล่าวว่าเทรนด์ของวิดีโอคอนเทนต์มีการเติบโตอย่างมาก เป็นผลจากเครือข่าย 3G และ 4G ที่ครอบคลุม ในปีที่ผ่านมามีการเติบโตถึง 167% การนำคอนเทนต์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ เรื่องคอนเทนต์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเราไม่ได้กังวลเท่าไหร่ เพราะคอนเทนต์ประเภทนี้จะมีความพีคเป็นช่วงๆ ซึ่งต่างจากคอนเทนต์บันเทิงอย่างละคร ซีรีส์เป็นที่นิยมของคนไทยโดยตลอด เราจึงนำคอนเทนต์นี้เป็นหลัก

1 ปีที่ผ่านมาของ AIS Play มีจำนวนดาวน์โหลดกว่า 1.5 ล้านครั้ง มีผู้ใช้แอคทีฟ 1 ล้านราย พฤติกรรการดูคอนเทนต์ส่วนใหญ่ยังเป็นการดูทีวีออนไลน์ ดูทีวีย้อนหลัง 80% ที่เหลือ 20% เป็นออนดีมานด์ เช่น ดูภาพยนตร์ ดูซีรีส์ ดูการ์ตูน เป็นต้น

เป้าหมายของเอไอเอสก็คือมีคอนเทนต์ตอบโจทย์ผู้ใช้ ซึ่งหมายความว่าจะนำพาไปดูการใช้ดาต้าอินเทอร์เน็ตมากขึ้น เอไอเอสก็จะได้รายได้มากขึ้น ส่วนทางแกรมมี่เองก็เป้าหมายให้มีผู้ชมรายการมากขึ้น ส่งผลในเรื่องของการสื่อสารแบรนด์ และมีรายได้จากโฆษณาเพิ่ม

ในอนาคตทั้งคู่อาจจะมีการจับมือกันทำคอนเทนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่สามารถชมได้ที่แพลตฟอร์มของเอไอเอสเท่านั้น โดยที่กำลังอยู่ในช่วงขั้นตอนการสรุปโมเดลทางธุรกิจอยู่

เช่นเดียวกันกับทางเอไอเอสที่มนตอนนี้ยังไม่มีการหารายได้จาโฆษณาภายในแพลตฟอร์ม AIS Play อย่างเช่นการโฆษณาแบบพรีโรล ในอนาคตอาจจะมีให้เห็นก็ได้