iPhone 7 ‘all new design’ ?

ทิม คุก ซีอีโอแอปเปิล

ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอแอปเปิลเอ่ยต่อหน้าสาธารณชนเต็มปากเต็มคำว่าไอโฟนใหม่ iPhone 7 นั้นถูกพัฒนาออกแบบใหม่หมดจด ท่ามกลางเสียงค้านว่านี่คือดีไซน์เก่าที่เปลี่ยนมาใช้วัสดุใหม่ต่างหาก แถมหลายคุณสมบัติหลักก็ถูกมองว่าไร้ความตื่นเต้น

ทั้งหมดนี้ทำให้หุ้นของแอปเปิลไม่ขยับเขยื้อนหลังการเปิดตัวสินค้าหลักของ บริษัทอย่างที่ควรจะเป็น

งานเปิดตัวสินค้าหลักของแอปเปิลเมื่อวันที่ 7 กันยายนนั้นมีเนื้อหาหลักใหญ่ราว 10 ประเด็น ประเด็นแรกต้องยกให้การเปิดตัว iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ซึ่งมีคุณสมบัติตรงตามข่าวลือเรื่องความสามารถในการกันน้ำ ระบบกล้องดิจิตอลคู่ และช่องเสียบหูฟังที่หายไป รอบนี้แอปเปิลชูดีไซน์สีดำเงาแวววาวเหนือสีเดิมคือเงิน ทอง และทองชมพู พร้อมปุ่มโฮมใหม่ที่จะทำให้การใช้ไอโฟนมีลูกเล่นสะดวกกว่าเดิม

เบื้องต้น iPhone 7 ถูกประกาศราคาเริ่มต้นที่ 649 เหรียญหรือ 22,500 บาทสำหรับรุ่นความจุ 32GB ขณะที่ iPhone 7 Plus ราคาเริ่มต้น 769 เหรียญสูงกว่าเดิมด้วยความจุเท่ากัน บนดีไซน์ที่มองเหมือน iPhone 6S และ iPhone 6ราคาสูงสุดของ iPhone 7 อย่างรุ่น 256GB คือ 849 เหรียญ (ราว 29,500 บาท) ขณะที่ iPhone 7 Plus หน้าจอใหญ่กว่านั้นทะลุไปถึง 969 เหรียญ (33,600 บาท) กำหนดการสั่งซื้อ iPhone 7 จะเริ่มต้น 9 กันยายน และการจัดส่งจะเริ่มวันที่ 16 กันยายนนี้

559000009369603

ประเด็นสำคัญที่ 2 จากเวทีนี้คือช่องเสียบหูฟังดั้งเดิมในไอโฟนที่หายไป สิ่งที่เกิดขึ้นคือ iPhone 7 และ 7 Plus จะมาพร้อมพอร์ตเดียวคือ Lightning จุดนี้ทำให้แอปเปิลไม่เพียงแถมหูฟังที่ใช้ต่อผ่านพอร์ต Lightning มากับเครื่อง แต่ผู้ซื้อ iPhone 7 และ 7 Plus จะได้รับอแดปเตอร์เพื่อให้ผู้ใช้นำไปต่อกับพอร์ต Lightning สำหรับใช้กับหูฟังดั้งเดิมแบบ 3.5มม. ได้เช่นเดิม โดยแอปเปิลระบุว่าราคาขายของอแดปเตอร์นี้อยู่ที่ 9 เหรียญเท่านั้น

ประเด็นนี้น่าสนใจเพราะการเปลี่ยนผ่านจากพอร์ตชาร์จรุ่น 30-pin หรือ 30 เข็มนั้นแอปเปิลไม่แถมตัวแปลงมาให้ ทำให้ผู้ใช้ต้องเสียเงิน 30 เหรียญซื้อหามาใช้เอง จุดนี้นักสังเกตการณ์ประเมินว่าการแถมอแดปเตอร์ Lighting-to-3.5mm headphone jack นี้เกิดขึ้นเป็นเพราะความแพร่หลายของหูฟังรุ่นปกติที่มีจำนวนมากกว่าพอร์ต 30-pin ที่แอปเปิลสร้างขึ้นสำหรับใช้กับสินค้าตัวเองเท่านั้น

559000009369605

นอกจากนี้ แอปเปิลเองก็ยังอยู่ในธุรกิจหูฟัง 3.5มม. ดั้งเดิม เหตุผลนี้อาจเป็นก้างชิ้นหลักที่ทำให้แอปเปิลยังต้องเผื่อทางรอดไว้ให้หูฟังรุ่นดั้งเดิม

ประเด็นที่ 3 คือการเปิดศักราชหูฟังไร้สายใหม่ของแอปเปิลในชื่อแอปเปิลแอร์พ็อดส์ (Apple AirPods) ซึ่งจะจำหน่ายแยกในราคา 159 เหรียญ ราคาไทยคือ 6,900 บาท

ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับเหตุผลที่ทำให้แอปเปิลคิดเอาช่องเสียบหูฟัง 3.5มม. ออกจากเครื่อง โดยฟิล ชิลเลอร์ (Phil Schiller) รองประธานอาวุโส หัวหน้าทีมการตลาดของแอปเปิลยอมรับว่าช่องต่อหูฟังนี้อยู่คู่ชาวโลกมานาน แต่เชื่อว่าการเริ่มต้นมิติใหม่ครั้งนี้จะเป็นเรื่องที่ดีกว่า โดยเฉพาะการนำมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายใหม่มาใช้บนชิปใหม่ W1 ซึ่งชิป W1 ใน AirPod นี้เองที่จะปิดฉากประสบการณ์แย่ในหูฟังบลูทูธบางรุ่น และยังสร้างประโยชน์มากกว่าการเป็นหูฟังธรรมดา

559000009369606

แอปเปิลระบุว่าการเชื่อมต่อ AirPod กับเครื่องจะเกิดขึ้นง่ายด้วยการแตะครั้งเดียว ขณะเดียวกัน ระบบยังเตรียมพร้อมทำงานทันทีเมื่อผู้ใช้นำไปแทรกที่ช่องหู โดยผู้ใช้สามารถแตะ 2 ครั้งที่หูฟังเพื่อเปิดการใช้งาน Siri ได้ทันใจ

ประเด็นที่ 4 คือปุ่ม Home ใหม่อย่าง Force Touch ที่จำลองความรู้สึกเหมือน trackpads บนคอมพิวเตอร์ MacBook ปุ่มใหม่ในไอโฟนมีการเพิ่มคุณสมบัติใหม่ชื่อ Taptic Engine เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกถึงความสั่นสะเทือนเมื่อกด ล่าสุดแอปเปิลเปิดเสรีให้นักพัฒนาสามารถนำเอพีไอ Taptic Engine ไปพัฒนาต่อยอดบนแอปพลิเคชันของตัวเองได้

ประเด็นที่ 5 คือเกมมาริโอ้ (Mario) ใหม่สำหรับ iOS เพราะเกมโปเกมอนโก (Pokémon Go) ของนินเทนโด (Nintendo) ไม่ใช่โมบายเกมอภิมหาโปรเจ็กต์เดียวในปีนี้ แต่ผู้สร้าง Super Mario Bros. นั้นมีแผนสร้างเกมเพื่อแจ้งเกิดในปีนี้เช่นกันในชื่อ Super Mario Run ความพิเศษของประเด็นนี้คือเกมนี้จะเปิดให้บริการบน iOS ก่อนแพลตฟอร์มอื่นในช่วงปลายปีนี้ ถือเป็นอีกข่าวใหญ่ที่สร้างเสียงฮือฮาบนเวทีไม่น้อยทีเดียว

559000009369604

ประเด็นที่ 6 คือกล้องคู่ ทั้ง iPhone 7 (หน้าจอ 4.7 นิ้ว) และ 7 Plus (หน้าจอ 5.5 นิ้ว) ต่างมีกล้องดิจิตอล 12 ล้านพิกเซลพร้อมระบบกันภาพสั่น ทั้งคู่มาพร้อมกล้อง f/1.8 บนเซ็นเซอร์ความเร็วสูง แฟลชเป็น quad-LED True Tone เพื่อแสงสวยของภาพที่ได้

ตรงตามข่าวลือ รุ่น 7 Plus มีกล้อง 12 ล้านพิกเซลจำนวน 2 ตัว โดยตัวแรกเป็นกล้องสำหรับเก็บภาพมุมกว้าง ขณะที่อีกตัวเป็นกล้องเทเลโฟโต้ 56มม. ทั้งคู่สามารถซูมได้ หน่วยประมวลผลของไอโฟนรุ่นใหม่คือ A10 Fusion ซึ่งประมวลผลบน 4 แกน ทำให้ iPhone 7 และ 7 Plus ทำงานได้ขึ้น 40% เมื่อเทียบกับชิป A9 ในรุ่น 6s และ 6s Plus อีกจุดเด่นคือการประหยัดพลังงาน เพราะชิป A10 สามารถทำงานหนักผ่านการใช้พลังงานเพียง 20% เท่านั้น

จุดขายของกล้องไอโฟนใหม่ยังอยู่ที่ ‘โบเก้’ (bokeh) ภาพถ่ายฉากหลังเบลอจนเห็นเป็นแสงระยิบระยับสีสวยที่ก่อนนี้ต้องใช้กล้อง เลนส์ยักษ์หรือเซ็นเซอร์ฟูลเฟรมในกล้อง DSLR เป็นเครื่องมือ แต่วันนี้กล้องของ 7 Plus สามารถทำได้ง่ายดายด้วยการแตะที่ตัวเลือกชื่อ Portrait ในแอปพลิเคชัน iOS Camera ซึ่งจะเปิดให้ผู้ใช้ไอโฟนใช้งานฟรีภายในปีนี้ผ่านการอัปเดต iOS

559000009369607

เรื่องนี้นำไปสู่ประเด็นที่ 7 นั่นคือระบบปฏิบัติการใหม่ iOS 10 จะพร้อมให้บริการในสัปดาห์หน้า กำหนดการคือ 13 กันยายนนี้

ประเด็นที่ 8 คือนาฬิกาใหม่ ‘แอปเปิลวอทช์ซีรีส์สอง’ (Apple Watch Series 2) ความใหม่คือระบบ GPS แบบบิวท์อิน ฟีเจอร์ Swimproof และการออกแบบธีมไนกี้ พลัส (Nike+) ซึ่งทำให้แอปเปิลวอทช์ซีรีส์สองกลายเป็นนาฬิกาสำหรับผู้รักการออกกำลังกาย

Apple Watch ใหม่สามารถกันน้ำได้ที่ระดับความลึก 50 เมตร ซึ่งช่วยให้ผู้สวมแอปเปิลวอทช์สามารถว่ายน้ำและบันทึกกิจกรรมว่ายน้ำนี้ลงในตัวเครื่องได้ นอกจากนั้นยังสามารถบันทึกการวิ่ง ระยะทาง และเส้นทางที่ใช้ได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับไอโฟนอีกต่อไป แถมด้วยหน้าจอแสดงผลที่สว่างสดใสกว่าเดิม ซึ่งแอปเปิลเชื่อว่าจะทำให้อ่านข้อมูลต่าง ๆ ง่ายขึ้น

การเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนมาใช้เซรามิก แทนสแตนเลส โดยแอปเปิลอ้างว่า เซรามิกนั้นแข็งแรงกว่าถึง 4 เท่า ซึ่งจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้ยากขึ้น

ที่ขาดไม่ได้คงเป็นแอปพลิเคชัน โดยแอปเปิลวอทช์ซีรีส์ 2 นี้มาพร้อมแอป Nike+ Run Club โดยจะมีการสร้างแรงจูงใจในการวิ่งต่าง ๆ มากมาย รวมถึงการแสดงผลข้อมูลที่นาฬิกาสามารถบันทึกได้ เช่น การบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจ นาฬิกาจับเวลา และรายงานสภาพอากาศ ซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับนักวิ่งทั้งสิ้น

559000009369608

ในส่วนของสายรัดข้อมือนั้น นอกจากสายรัดข้อมือลายต่าง ๆ ของแอปเปิลเองแล้ว ทางไนกี้ก็มีการออกแบบสายรัดข้อมือของตนเองให้มีน้ำหนักเบา รวมถึงการจัดการกับเหงื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นมาร่วมวางจำหน่ายด้วย

แอปเปิลวอทช์ ซีรีส์ 2 นี้มาใน 2 ขนาดหน้าจอได้แก่ 38 มม. และ 42 มม. ราคาเริ่มต้นของรุ่นหน้าจอ 38 มม. นั้นอยู่ที่ 369 เหรียญสหรัฐ ส่วนรุ่น 42 มม. นั้นเริ่มต้นที่ 399 เหรียญสหรัฐ โดยจะเริ่มเปิดสั่งจองวันที่ 9 กันยายนนี้ และตัวสินค้าจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 16 กันยายน

ประเด็นที่ 9 คืองานล่าโปเกมอนผ่านแอปเปิลวอทช์ งานนี้แอปเปิลไม่เพียงเปิดตัวพันธมิตรรายใหม่อย่างนินเทนโด เพื่อให้ผู้สวมแอปเปิลวอทช์สามารถไล่จับเหล่ามอนสเตอร์ได้แล้ว ยังมีการพัฒนาระบบให้ผู้ใช้ทราบได้ว่า ใช้พลังงานไปเท่าไรกับการเดินหามอนสเตอร์ด้วย

ระบบปฏิบัติการของนาฬิการุ่นใหม่ watchOS 3 นั้นจะพร้อมให้อัปเดตพร้อมกับ iOS 10 ในวันที่ 13 กันยายน โดยระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์แมคอินทอช ‘macOS Sierra’ จะให้บริการวันที่ 20 กันยายนนี้ ถือเป็นประเด็นสำคัญที่ 10 ซึ่งสรุปได้จากงานใหญ่ประจำปีนี้ของแอปเปิล

ไม่ว่า 10 ประเด็นนี้จะร้อนแรงเพียงใด ก็แพ้คำว่า ‘all new design’ ที่ซีอีโอแอปเปิลประกาศอยู่ดี จริงมั้ยเอ่ย !?!

ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9590000090614