ตลาดรับสร้างบ้าน Q3 และแนวโน้มโค้งสุดท้ายปี 2559

สถานการณ์ทั่วไป

สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) สรุปภาพรวมตลาดบ้านสร้างเองในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งต่างจังหวัดในช่วงไตรมาส 3 (เดือน ก.ค.-ก.ย. 2559) พบว่าสัญญาณฟื้นตัวยังไม่ดีนัก ปัจจัยหลักๆ มาจากในช่วงไตรมาสสามปีนี้มีฝนตกชุก กำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคส่วนหนึ่งชะลอการตัดสินใจไว้ก่อน กอปรกับความไม่มั่นใจของผู้บริโภคและประชาชนต่อทิศทางเศรษฐกิจประเทศ ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจสร้างบ้านมีการแข่งขันกันรุนแรง โดยเฉพาะตลาดบ้านสร้างเองในต่างจังหวัด ทั้งในกลุ่มผู้ประกอบการรับสร้างบ้านและผู้รับเหมาสร้างบ้านรายย่อยทั่วไป นอกจากนี้ธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างก็มีการแข่งขันรุนแรงตามกัน ทั้งกลุ่มวัสดุโครงสร้างและวัสดุตกแต่งบ้าน อาทิ คอนกรีตสำเร็จรูป เหล็ก อิฐมวลเบา กระเบื้องหลังคา ประตู-หน้าต่าง วัสดุปูพื้น-ผนัง สีทาบ้าน ฯลฯ อย่างไรก็ดี ผลดังกล่าวทำให้ต้นทุนค่าก่อสร้างปรับลดลงและส่งผลดีไปถึงผู้บริโภค เมื่อผู้ประกอบการสร้างบ้านต้นทุนต่ำลง ก็นำมาลดราคาค่าก่อสร้างบ้านให้ลูกค้าที่ตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงครึ่งปีหลังนี้

การปรับตัว

สำหรับ ภาพรวมการแข่งขันตลาดบ้านสร้างเองในช่วงไตรมาสสามที่ผ่านมา บรรยากาศไม่คึกคักเท่าที่ควร ด้วยเพราะผู้ประกอบการรายเล็กและรายกลาง ต่างชะลอการใช้งบการตลาดและกิจกรรมประชาสัมพันธ์ ด้วยประเมินว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านยังไม่ฟื้นตัว กอปรกับได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจมาระยะหนึ่งแล้ว โดยผู้ประกอบการกลุ่มนี้สายป่านไม่ยาวเท่ารายผู้นำตลาด ดังนั้นจึงหันมาประคองตัวเพื่อรอดูสถานการณ์ และรอการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภค ในขณะที่กลุ่มผู้นำตลาดกลับมีการลงทุนสวนทาง อาทิเช่น บางรายขยายสาขาในทำเลใหม่ๆ เพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการรับสร้างบ้านกลุ่มผู้นำตลาด ยังคงขยายสาขาแห่งใหม่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเป็นหลัก โดยทำเลที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ถนนรามอินทรา ถนนพระรามสอง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรับสร้างบ้านภูธร กลับมุ่งขยายสาขาแห่งใหม่ในพื้นที่ต่างจังหวัดมากกว่า ทั้งนี้พื้นที่หรือจังหวัดที่ได้รับความนิยม ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี นครราชสีมา ฯลฯ เป็นต้น

โค้งสุดท้ายปี 59

สมาคมฯ ประเมินตลาดบ้านสร้างเองไตรมาสสุดท้ายปีนี้ คาดว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านของผู้บริโภคมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผ่านช่วงฤดูฝนและเข้าสู่ช่วงที่ประชาชนนิยมสร้างบ้านหลังใหม่ เนื่องจากสภาพอากาศตามฤดูกาลซึ่งเข้าสู่ฤดูหนาวและต่อเนื่องฤดูร้อน ซึ่งมีช่วงระยะเวลานาน 6-7 เดือน เหมาะแก่การเตรียมตัวและปลูกสร้างบ้านหลังใหม่ ขณะเดียวกับภาพรวมเศรษฐกิจประเทศที่แม้จะฟื้นตัวไม่ชัดเจน แต่ก็ถือว่าค่อยๆ ฟื้นตัวดีขึ้น โดยพิจารณาจากจีดีพีไตรมาสแรกและไตรมาสสองที่เติบโตเฉลี่ย 3.2% ใกล้เคียงกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้ รวมทั้งจีดีพีไตรมาสสามก็มีแนวโน้มยังเติบโตได้ดีต่อเนื่อง ปัจจัยดังกล่าวส่งผลด้านจิตวิทยาและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่สมาคมฯ ประเมินว่าผู้บริโภคยังมีความระมัดระวังสูง สำหรับการใช้จ่ายหรือกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน ดังนั้น ความต้องการสร้างบ้านกลุ่มระดับราคา 1-3 ล้านบาท และกลุ่มราคา 4-5 ล้านบาท คาดว่าจะยังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุด

สมาคมฯ เคยคาดการณ์ปริมาณและมูลค่าตลาดบ้านสร้างเองทั่วประเทศปี 2559 นี้ไว้ประมาณ 8 หมื่นล้านบาทเศษ โดยประเมินว่ากลุ่มธุรกิจ “รับสร้างบ้าน” ที่ให้บริการแบบครบวงจร มีแชร์ส่วนแบ่งประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท แต่ตลอดระยะเวลา 9 เดือนเศษที่ผ่านมา พบว่ากำลังซื้อและความต้องการสร้างบ้านคึกคักเฉพาะช่วงไตรมาสแรก แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2-3 กำลังซื้อกลับมาชะลอตัวอีกครั้ง นอกจากนี้ขนาดบ้านและมูลค่าต่อหน่วยก็ลดลง ดังนั้น จึงคาดว่ามูลค่ารวมตลาดรับสร้างบ้านปีนี้ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างน้อย 4-5% หรือคิดเป็นมูลค่า 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากมีปัจจัยลบใดที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนมากระทบ เช่น ปัญหาน้ำท่วม โอกาสที่มูลค่าตลาดรับสร้างบ้านจะมีแนวโน้มปรับลดลงแตะตัวเลข 2 หลักก็มีความเป็นไปได้สูงเช่นกั

มุมมองนายกสมาคม

นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคมไทยรับสร้างบ้าน เผยว่า ปริมาณและมูลค่าบ้านสร้างเองในช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมาไม่ฟื้นตัวดังที่คาดการณ์ไว้ ปัจจัยหลักๆ เป็นเพราะ 1.ฤดูฝนที่ไม่เอื้อต่อการตัดสินใจสร้างบ้านในระยะ 3 เดือนที่ผ่านมา 2.ผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการลงทุนสร้างบ้านหรือที่อยู่อาศัยมากขึ้น และ 3.ความไม่มั่นใจของผู้บริโภคต่อทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตอย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวมตลาดบ้านสร้างเองจะไม่ฟื้นตัว แต่สำหรับกลุ่ม “ธุรกิจรับสร้างบ้าน” ถือว่ายังน่าพอใจเมื่อพิจารณาจากตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ตลอดช่วง 9 เดือนของปีนี้

สำหรับ ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2559 นี้ มีโอกาสขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา ประเมินจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคและแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศ ที่ปรับตัวดีขึ้นจากการลงทุนโครงการของภาครัฐ รวมถึงการรุกตลาดของผู้ประกอบการที่แข่งขันอยู่ในธุรกิจนี้ โดยผู้นำตลาดกลุ่ม Top 5 ยังคงจัดกิจกรรมกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ด้วยความได้เปรียบที่มีสายป่านยาวและผู้บริโภคให้ความเชื่อถือมากกว่า โดยเฉพาะรายที่มีแบรนด์เข้มแข็ง และยังสามารถให้บริการสร้างบ้านได้ครอบคลุมทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยที่น่ากังวลที่ควรต้องเฝ้าระวังคือ ภัยธรรมชาติหรือน้ำท่วม โดยขณะนี้หลายๆ จังหวัดเริ่มประสบปัญหาน้ำท่วมขังแล้ว   ฉะนั้นหากภาครัฐบริหารจัดการน้ำไม่ดี อาจไม่ใช่เพียงแค่ฉุดกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง แต่ยังจะสร้างความเสียหายกับงานระหว่างก่อสร้างของผู้ประกอบการ รวมทั้งธุรกิจอื่นๆ เหมือนเช่นเมื่อปี 2554 อีกด้วย เรื่องนี้คงต้องฝากความหวังไว้กับรัฐบาล “ลุงตู่” พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ถ้าพลาดงานนี้คงฉุดเศรษฐกิจทรุดหนักแน่! นายสิทธิพร กล่าวสรุป