กสท.ให้กองทัพบก-อสมท. เยียวยาต่อ 30 วัน กรณียกเลิกให้บริการโครงข่าย “ทีวีดิจิทัล”เบี้ยวค่าเช่า

จากกรณีที่ กองทัพบก แจ้งมายังคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จะยกเลิกการให้การบริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นที่ให้แก่ ช่องไบรท์ทีวี ที่ผิดนัดชำระค่าเช่าใช้ เช่นเดียวกับ อสมท. ขอระงับการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องสปริงนิวส์ และวอยซ์ทีวี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2559 เวลา 00.00 น. เป็นต้นไป เนื่องจากไม่ชำระค่าบริการโครงข่ายตามเงื่อนไขสัญญา

ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) วันที่ 17 ต.ค. 2559 ได้ข้อสรุปดังนี้

พันเอก ดร.นที ศุกลรัตน์ ประธาน กสท. กล่าวว่า ได้มีการพิจารณาแนวทางการขอพัก หรือหยุดให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ เนื่องจากปฏิบัติผิดสัญญาเช่าให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล แบ่งเป็น แนวทางปฏิบัติของผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ คือ

  1. หากผู้ให้บริการโครงข่ายพักหรือหยุดให้บริการโครงข่าย “ต้องยื่นคำร้อง” ให้ กสท. เห็นชอบก่อน ถึงเหตุผล ความจำเป็นและข้อเท็จจริง และต้องมีมาตรการเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อผู้ใช้บริการ เช่น การส่งสัญญาณให้เพิ่มเติมอีก 30 วัน เมื่อมีการยกเลิกสัญญา
  2. เมื่อได้รับความเห็นชอบจาก กสท. ตามข้อ 1 แล้ว ให้ผู้ให้บริการโครงข่าย จะต้องแจ้งการยกเลิกสัญญานั้นไปยังผู้ใช้โครงข่ายโทรทัศน์ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 30 วัน
  3. ผู้ให้บริการโครงข่ายต้องดำเนินการตามมาตรการเยียวยาตามข้อ 1. หลังจากมีการยกเลิกสัญญาแล้วให้ครบถ้วน

แนวปฏิบัติของสถานีโทรทัศน์ ที่เช่าโครงข่าย

  1. ผู้ใช้บริการโครงข่าย (สถานีโทรทัศน์) ที่ถูกพัก หรือหยุดการให้บริการโครงข่ายจะต้องดำเนินการติดต่อขอใช้บริการโครงข่ายโทรทัศน์กับผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์รายใหม่ พร้อมทั้งแจ้ง กสท. เพื่อขอความเห็นชอบในการเปลี่ยนแปลงการใช้งานคลื่นความถี่ภายใน 30 วัน นับแต่ได้รับแจ้งจากผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์รายเดิม
  2. กรณีที่ผู้ใช้บริการโครงข่ายไม่สามารถติดต่อขอเช่าใช้บริการโครงข่ายรายใหม่ได้ทันภายใน 30 วัน ตามข้อ 1. ให้ดำเนินการขอความเห็นชอบจาก กสท. ในการพัก หรือหยุดการให้บริการ ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจาก กสท. ก่อน และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการเยียวยาความเสียหายตามที่ กสท. กำหนด

จัดสรรคลื่นความถี่

นอกจากนี้ ที่ประชุม กสท. ยังได้พิจารณาเรื่อง ความจำเป็นเรื่องการใช้คลื่นความถี่ และกำหนดระยะเวลาในการถือครองคลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียงของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ

กสท. ได้พิจารณาตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการพิจารณาสัญญาสัมปทาน และพิจารณาความจำเป็นการใช้คลี่นความถี่ด้านกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ แล้วได้มีมติดังต่อไปนี้

  1. เห็นชอบผลการพิจารณา และตรวจสอบสิทธิการใช้งานคลื่นความถี่ และการประกอบกิจการกระจายเสียงของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ โดยทุกหน่วยงานมีการใช้คลื่นความถี่และการประกอบกิจการกระจายเสียงและใช้คลื่นความถี่มาโดยชอบด้วยกฎหมาย
  2. กรณี บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) คลื่นความถี่ FM 105.50 MHz มีการใช้งานคลื่นความถี่ และมีการทำสัญญาสัมปทานให้กับ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 ให้ดำเนินการตาม แผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ พ.ศ. 2555 ยุทธศาสตร์การคืนคลื่นความถี่ข้อ 8.1 ซึ่งจะสิ้นสุดลงเมื่อสัญญาสัมปทานสิ้นสุดลง เนื่องจาก กสท.ได้เคยมีมติว่าสัญญาสัมปทานเป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
  3. กรณีกิจการกระจายเสียงที่ดำเนินการโดยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ จำนวน 27 หน่วยงาน 538 คลื่นความถี่ ซึ่งเป็นกรณีที่ไม่มีการกำหนดระยะเวลาการใช้งานคลื่นความถี่ไว้ กสท. เห็นควรกำหนดให้ระยะเวลาการถือครอง หรือใช้งานคลื่นความถี่มีระยะเวลาจนถึงระยะเวลาสูงสุดที่กำหนดไว้ในแผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่ พ.ศ. 2555 ยุทธศาสตร์การคืนคลื่นความถี่ข้อ 8.2
  4. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ที่ประสงค์จะคืนคลื่นความถี่ก่อนระยะเวลาในข้อ 2 และ 3 สามารถดำเนินการได้ด้วยความสมัครใจ เพื่อให้ กสทช. นำคลื่นความถี่ดังกล่าวไปจัดสรรใหม่ โดยให้นำเสนอ กสทช. เพื่อพิจารณา