จุดขายใหม่ “โมโต” ใช้อุปกรณ์เสริมเติมพลังแบรนด์

หลังจากที่แบรนด์ “โมโต” ได้กลับเข้ามาทำตลาดอีกครั้งเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็พยายามขยับขยายตลาดมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่เป็นการทำตลาดภายใต้บ้านหลังใหม่ในการดูแลของ “เลอโนโว” ที่ได้ทำการซื้อโมโตโรลาจากกูเกิลตั้งแต่ปี 2557 แล้วทำการรีแบรนด์จนเหลือเพียงแค่โมโต เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ

เลอโนโวได้วางยุทธศาสตร์ให้ “โมโต” วางจุดยืนอยู่ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง-พรีเมียม มีราคาตั้งแต่ 8,000 บาทขึ้นไป เน้นในส่วนของมูลค่า ส่วน “เลอโนโว ไวบ์” สมาร์ทโฟนในสายเลือดของเลอโนโวเองได้วางจุดยืนอยู่ในระดับล่างหรือระดับ Entry ราคาต่ำกว่า 8,000 บาท ตลาดนี้ยังคงมีสัดส่วนใหญ่ที่สุดที่ 70%

1_moto

เมื่อประเมินสถานการณ์ตลาดสมาร์ทโฟนในไทย พบว่าเซ็กเมนต์ในตลาดกลาง-พรีเมียมแม้สัดส่วนจะน้อย แต่เติบโตมากที่สุด โดยในปีที่ผ่านมามียอดขาย 2.5 ล้านเครื่องจากยอดขายทั้งตลาด 23 ล้านเครื่อง และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการเติบโตเฉลี่ย 23% และในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตเฉลี่ย 30%

โมโตจึงมองว่ายังมีโอกาสและช่องว่างในตลาดที่จะบุกตลาดตรงนี้ เพราะในตลาดมีผู้เล่นหลักแค่ 2 รายก็คือ แอปเปิล และซัมซุง และมองว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรแปลกใหม่ในตลาดมากนัก นอกจากเรื่องหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น และมีสเปกสูงขึ้น

ใช้อุปกรณ์เสริมเป็นไฮไลต์

โมโตได้เลือกเปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล Z Series ที่ถือเป็นรุ่นแฟล็กชิพ Moto Z ราคา 23,900 บาท และ Moto Z Play ราคา 15,900 บาท แต่ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ Moto Mods อุปกรณ์เสริมที่สามารถเปลี่ยนเข้าด้านหลังตัวเครื่อง สามารถเปลี่ยนเป็นมืออาชีพด้านต่างๆ ทั้งถ่ายภาพ, โปรเจคเตอร์, ที่ชาร์จแบต และลำโพง

แต่ถ้าจะสู้กับคู่แข่ง 2 ราย ระดับบิ๊กแบรนด์ ก็ต้องหาจุดขายใหม่ๆ มาช่วยเพิ่มความสนใจ โมโตจึงต้องหาพันธมิตรที่เป็นแบรนด์ชั้นนำของโลก อย่าง Hasselblad True Zoom อุปกรณ์เสริมในการถ่ายภาพ, Moto Insta-Share Projector อุปกรณ์เสริมโปรเจคเตอร์, JBL SoundBoost Speaker ลำโพงจากแบรนด์ JBL และ Incipo offGRID Power Pack ตัวช่วยในการชาร์จแบตเตอรี่

2_moto

ทวนทอง ศรีวิเชียร ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน เลอโนโว กล่าวว่า “ตลาดสมาร์ทโฟนในบ้านเราไม่มีนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ มาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่เห็นแค่เรื่องหน้าจอใหญ่ขึ้น จึงอยากสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เชื่อว่าตัว Moto Mods จะเป็นคีย์สำคัญที่จะช่วยกระตุ้นตลาด มีพาร์ตเนอร์ระดับโลกมาช่วยพัฒนาสินค้า ถือว่าเป็นการช่วยบิวท์แบรนด์ให้เราด้วย”

เลือกนักธุรกิจเป็นพรีเซ็นเตอร์คนแรกในไทย

การเปิดตัวรอบนี้ โมโต ยังได้เลือกใช้พรีเซ็นเตอร์คนแรกในประเทศไทย “ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นักธุรกิจรุ่นใหม่ เพื่อต้องต้องการจับกลุ่มคน Gen Y อายุ 18-39 ปี และคนกลุ่มนี้จะติดตามคนที่ประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ และทิมก็เป็นเหมือนไอดอลของคนเจนวายในยุคนี้ที่ทำธุรกิจ และมีแพชชั่นกับแบรนด์โมโตมาก่อนด้วย

3_moto

เป้าหมายของโมโตหลังจากเปิดตัวรุ่นใหม่ก็คือ จะขึ้นเป็นท็อป 3 ในตลาดสมาร์ทโฟนระดับกลาง-พรีเมียมให้ได้ในปีหน้า หรือมีส่วนแบ่งตลาด 10% ยอดขายราว 250,000 เครื่อง

ส่วนสัดส่วนรายได้ของบริษัท ตั้งเป้าให้โมโตสร้างรายได้ 50% และเลอโนโว 50% แต่โมโตจะเน้นในเรื่องของมูลค่า ส่วนเลอโนโวจะเน้นเรื่องของจำนวน เพราะวางจุดยืนในตลาดล่าง เน้นขายให้ได้เยอะ