เอเยนซี่โฆษณาปรับทัพรับดิจิตอลกุมชีวิต

เมื่อสื่อดิจิตอลกุมชีวิต กลายเป็นโจทย์ท้าทายของเอเยนซี่โฆษณาต้องปรับทัพรับการเปลี่ยนแปลง ปับลิซีส วันปรับโครงสร้าง “อาร์ค เวิลด์ไวด์ ประเทศไทย” ยกระดับแผนกพีอาร์สู่ “เอ็มเอสแอล กรุ๊ป” มุ่งดิจิตอลพีอาร์ ทางด้านไอพีจี ปรับทัพมุ่งสู่ดิจิตอลคอนเทนต์

อาร์ค เวิลด์ไวด์ ปรับสู่ดิจิตอลพีอาร์

เริ่มจาก “ปับลิซีส วัน” ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ หลังจากที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2547 ด้วยการนำ “อาร์ค เวิลด์ไวด์ ประเทศไทย” เป็นหน่วยธุรกิจในกลุ่มที่ดูแล ครีเอทีฟพีอาร์ ให้กับลูกค้าในประเทศ มาผนึกกับ “เอ็มเอสแอลกรุ๊ป (MSLGroup)”

songkran
สงกรานต์ เศรษฐสมภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปับลิซีส วัน ประเทศไทย จำกัด

สงกรานต์ เศรษฐสมภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปับลิซีส วัน ประเทศไทย จำกัด บอกถึง สาเหตุการของการเปลี่ยนแปลงมาจากโฆษณาในสื่อดิจิตอล มีมูลค่าเกือบ 1 หมื่นล้านบาท และยังมีอัตราการเติบโตกว่า 20% ในปี 2559 สวนทางกับตลาดรวมโฆษณาที่เติบโตลดลง ทำให้บริษัทฯ ต้องปรับตัวใหม่โดยการปรับโครงสร้าง “อาร์ค เวิลด์ไวด์ ประเทศไทย” พร้อมยกระดับจากแผนกพีอาร์สู่ “เอ็มเอสแอล กรุ๊ป” มุ่งสู่ความเป็นดิจิตอลพีอาร์

เมื่อนำมาผนึกกับ MSLGroup ซึ่งต่างมีทั้ง know how และเครือข่ายที่แข็งแกร่งอยู่ทั่วโลก กลายเป็นเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากเครือข่าย “เอ็มเอสแอล กรุ๊ป” เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองในระดับโกลบอล จะช่วยเสริมทัพของ “เอ็มเอสแอล กรุ๊ป” ในการก้าวสู่ตำแหน่งความเป็นผู้นำวงการพีอาร์เอเยนซี่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนยกระดับความเชี่ยวชาญด้านพีอาร์ของ “ปับลิซีส วัน” ในประเทศไทย

MSLGroup เองก็ต้องการขยายตลาดไปทั่วโลก รวมทั้งภูมิภาคเอเชียที่กำลังเติบโต โดยเน้นการควบรวมกิจการและรีแบรนด์พีอาร์เอเยนซี่ในประเทศต่างๆ หลังจากที่ได้เข้าไปรีแบรนด์ในส่วนของพีอาร์เอเยนซี่ในประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม และศรีลังกามาแล้ว ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ 4 ที่มีการรีแบรนด์สู่ MSLGroup ในเอเชีย นับว่าไทยเป็นออฟฟิศลำดับที่ 38 ของ MSLGroup

word_icon

จากเม็ดเงินโฆษณาของสื่อดิจิตอลที่เก็บตัวเลขได้เกือบ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2559 ในความเป็นจริงเชื่อว่าจะมีสูงมากกว่านี้ เพราะยังมีเม็ดเงินด้านอื่นที่ใช้ในสื่อดิจิตอลอีกมาก เช่น งานด้านประชาสัมพันธ์ จึงมองว่าในปี 2560 รูปแบบการใช้สื่อดิจิตอลจะไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นการโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์ ส่วนงานด้านเทรดดิชันนอลพีอาร์จะปรับตัวเป็นการเติบโตด้านคอนเทนต์ หรือดิจิตอลพีอาร์แทน ตามกระแสการเติบโตของเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ยังได้รับความสนใจสูง ทั้งเฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม, ยูทูป เป็นต้น

word_icon2

เป้าการเติบโตของบริษัท จะขยับจาก 7-8% ขึ้นมาอยู่ที่ 15-20% เพราะจะได้ลูกค้าเพิ่มมากขยายมากขึ้นจากเดิมที่แข็งแรงในส่วนของ Consumer Product โดยเฉพาะขยายไปในส่วนของกลุ่มรถยนต์ อสังหาริมทรัพย์ การเงิน และกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้น

ไอพีจี ปรับทัพมุ่งสู่ดิจิตอล/คอนเทนต์

ทางด้านกลุ่มบริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย มีเดียเอเยนซี่ ได้มีการปรับโครงสร้างใหม่ มุ่งไปที่สื่อออนไลน์มากขึ้น รองรับกับการที่ลูกค้าให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์มากขึ้น

วรรณี รัตนพล ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย
วรรณี รัตนพล ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย

“ปัจจุบันลูกได้มุ่งไปที่สื่อออนไลน์มากขึ้น ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดีย การคุยกับผู้บริโภคไม่ใช่แค่ลงสปอตโฆษณาเท่านั้น แต่หมายถึงคอนเทนต์อื่นๆ ที่เข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ส่งผลให้ไอพีจีฯ พร้อมปรับโครงสร้างหน่วยงานและผู้บริหารใหม่” วรรณี รัตนพล ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย บอกถึงสาเหตุของการปรับทัพในครั้งนี้

ภายใต้โครงสร้างใหม่ จะมี 3 หน่วยงานหลัก คือ 1. อินิชิเอทีฟ 2. ยูเอ็ม และ 3. เอ็นเซ็มเบิล ซึ่งรวมเอาหน่วยงาน “ดอทมีเดีย” มาไว้ด้วยกัน จากเดิมเน้นเรื่องธุรกิจด้านการจัดกิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ มามุ่งในเรื่องดิจิตอลและคอนเทนต์มากขึ้น

ภายใต้ทีมผู้บริหารใหม่ คือ 1. นายธราภุช จารุวัฒนะ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย และ 2. น.ส.มาลี กิตติพงศ์ไพศาล ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อินิชิเอทีฟ

ผลิต 6 รายการโทรทัศน์

ธราภุช จารุวัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย กล่าวถึง ทิศทางในปี 60 จะให้ความสำคัญกับเอ็นเซ็มเบิลมากสุด ทั้งการผลิต 6 รายการโทรทัศน์ในปีหน้า และเพิ่มบุคคลากรเพื่อดูแลดิจิตอลคอนเทนต์เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตมากสุด ซึ่งจะทำให้ภาพรวมไอพีจีฯ ปี 60 กลับมาโตอีกครั้งไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้รายได้ต่ำกว่าเป้า 15% ที่วางไว้ แต่ยังมีอัตราการเติบโตอยู่ มาจากอินิชิเอทีฟ 60% ยูเอ็ม 10-20% และเอ็นเซ็มเบิล 30% จากปีนี้มีสัดส่วน 20% โตขึ้นเป็นเท่าตัว

สิ้นปี 59 เม็ดเงินโฆษณาติดลบ 10%

สำหรับภาพรวมของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาปีนี้ยังไม่ฟื้นตัวเนื่องจากปลายปีก่อนจนถึงต้นปีมีภาวะฝนแล้ง รายได้ต่อครัวเรือนลดลง อีกทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่เข้าเป้าเท่าที่ควร และยังมีสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งต่างทำให้อุตสาหกรรรมสื่อโฆษณามีผลประกอบการที่ลดลงจนติดลบ 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคาดว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2559 จะติดลบไปถึง 10%

คาดปีหน้าโต 4% ดิจิตอล/OOH/สื่อนอกบ้านโต

จากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เริ่มวางรากฐานไว้ และการส่งเสริมภาคธุรกิจต่างๆ น่าจะทำให้าพรวมของอุตสาหกรรมสื่อโฆษณา ปี 2560 จะเติบโตได้อีก 4% ส่วนสื่อโฆษณาที่โต คือ ดิจิตอล และเอาต์ออฟโฮม/ทรานซิท