กินขนมไหว้พระจันทร์ได้ทั้งปี

เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาลไหว้พระจันทร์ เอสแอนด์พี ได้เนรมิต S&P Hall สุขุมวิท 26 ให้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของอารยธรรมจีน และได้สัมผัสกับตำนานของเทศกาลนี้ที่มีอายุร่วม 2,000 ปี โดยใช้คอนเซ็ปต์สุดหรูว่า “จิบชา รื่นรมย์ ชิมขนมไหว้พระจันทร์มังกรทอง”

แม้จะเป็นสินค้าเทศกาลที่มีช่วงเวลาขายสั้นๆ เพียงแค่เดือนเดียว แต่ที่ต้องลงทุนขนาดนี้ ก็เพราะมูลค่าตลาดขนมไหว้พระจันทร์ที่มีอยู่ถึง 500 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 10% ทุกปี และที่สำคัญเอสแอนด์พีต้องการให้เป็นขนมที่ขายได้ทั้งปี

เอสแอนด์พี ยังได้ใช้โอกาสนี้ รีแบรนด์ ”มังกรทอง” แบรนด์ร้านอาหารจีน อายุ 80 กว่าปี ที่เอสแอนด์พีได้เทกโอเวอร์กิจการต่อจากตระกูล “ล่ำซำ” แต่ยังคงใช้ชี่อแบรนด์ มังกรทอง เมื่อ 16 ปีที่แล้ว

“การรีแบรนดิ้งครั้งนี้ จะเน้นที่การดีไซต์แพ็กเกจจิ้งใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยใช้สีทองและสีแดง ในกล่องกระดาษและกล่องเหล็ก เป็นการผสมผสานถึงความคลาสสิกและภาพลักษณ์ใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่คือกลุ่มวัยรุ่นอายุ 20 ปลายๆ ระดับบีขึ้นไป” ประเวศวุฒิ ไรวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) บอก

ทีมที่ออกแบบบรรจุภัณฑ์ของขนมไหว้พระจันทร์มังกรทองนั้น เป็นทีมใหม่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบรนด์มังกรทองโดยเฉพาะ และในอนาคตอาจพัฒนาต่อยอดของแบรนด์ ส่งติ่มซำ มังกรทองสู่ตลาดด้วย

การวาง Positioning ขนมไหว้พระจันทร์ของมังกรทองและเอสแอนด์พีต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเอสแอนด์พีนั้นจะเป็นกลุ่มคนทั่วไป เป็นวัยรุ่น และเด็กๆ แต่คนที่หยิบมังกรทองนั้น จะเป็นคนที่รู้และต้องการสินค้าแบบเดิมจริงๆ

โจทย์ที่มากไปกว่านั้น การให้ขนมไหว้พระจันทร์ “มังกรทอง” สามารถขายได้ทั้งปีไม่ต่างอะไรจากขนมเค้ก อายุของขนมอยู่นานถึง 105 วัน จากเดิม 7 วันและปรุงรสชาติจากเดิมมีเพียง 7 ไส้ เพิ่มเป็น 9 ไส้ เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าที่มองว่าขนมไหว้พระจันทร์นั้นมีแต่”ไส้บัว”

ช่องทางจำหน่ายของร้านมังกรทอง จะขายผ่านร้านพร้อมพรรณที่เยาวราชเป็นฐานที่มั่น ในการกระจายสินค้าให้กับบรรดาร้านค้าต่างๆ ในย่านเยาวราชกว่า 100 จุด และการจัดส่งแบบดิลิเวอรี่ของเอสแอนด์พี และการจำหน่ายในร้านอาหารและเบเกอรี่ช็อปของ เอส แอนด์ พี กว่า 185 จุด จึงทำให้ความฝันที่จะขายขนมไหว้พระจันทร์ของมังกรทอง 5 แสนก้อนในปีนี้ คงไม่ไกลเกินเอื้อม

ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ที่ผ่านมา อากง อาม่า ไม่ต้องแปลกใจว่าลูกหลานซื้ออะไรมาฝาก ที่มีทั้งกล่องกระดาษ กล่องเหล็ก สีแดงและสีเหลือง เพราะเป็นขนมไหว้พระจันทร์โฉมใหม่ แต่รสชาตินั้นขอบอกว่า ”ยังเหมือนเดิม”

เคล็ดลับวิธีทานขนมไหว้พระจันทร์ให้อร่อยโดย ดร.กวิน พริ้งพวงแก้ว ผู้เชี่ยวชาญเรื่องชา
ไส้โหงวยิ้ง ธัญพืช 5 ชนิด กับ ชาคาโมมายด์ มิ้นท์ ทำให้มีนุ่มนวล และกลมกลืน
ไส้เม็ดบัว แมคคาดาเมีย กับ ชาเซนชะ เกียวโต ที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมของกุหลาบและเชอร์รี่ ทำให้รู้สึกสดชื่น
ไส้ทุเรียนหมอนทอง กับ ชาจัสมิน ฟลาวเวอร์ กลิ่นหอมเย็นจะช่วยให้รสชาติกลมกล่อม
ไส้ชาเขียวถั่วแดง กับ ชาผลไม้รสเปรี้ยวนิดๆ ชาแคนเบอร์รี่ แอปเปิ้ล ซึ่งช่วยให้รสชาติขนมไหว้พระจันทร์อร่อยยิ่งขึ้น

Did u know?

14 กันยายน 2551 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติจีน ถือเป็น “วันจงชิว” (Zhong Qiu) หรือ “วันไหว้พระจันทร์” ซึ่งเป็นประเพณีที่ชาวจีนถือปฏิบัติสืบต่อกันมานับพันปี ใน “วันจงชิว” นี้ ชาวจีนจะให้ความสำคัญกับเรื่องการอยู่พร้อมหน้ากันของสมาชิกในครอบครัว ร่วมชมจันทร์และอธิษฐานขอให้มีความกลมเกลียวและผาสุกในครอบครัว และปี 2549 ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกวัฒนธรรมวิถีชนชิ้นเยี่ยมของจีน