คนอเมริกันฮิตทำงานนอกออฟฟิศ

MGR ออนไลน์ – ออฟฟิศอเมริกันอยู่ในภาวะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยที่พนักงานกำลังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้นายจ้างดำเนินการปรับเปลี่ยน ซึ่งสิ่งที่สะท้อนให้เห็นแนวโน้มนี้ประการหนึ่งก็คือ พนักงานชาวอเมริกันพอใจทำงานนอกสำนักงานกันมากขึ้นและเป็นระยะเวลานานขึ้นด้วย ทั้งนี้เป็นผลการวิจัยล่าสุดของแกลลัพ ที่นำออกเผยแพร่เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

รายงานผลการวิจัย “สถานะของออฟฟิศอเมริกัน” (State of the American Workplace) ปีล่าสุดของบริษัทวิจัยตลาดและให้คำปรึกษาทางธุรกิจระดับโลกแห่งนี้ เน้นย้ำว่าองค์การต่างๆ จำเป็นต้องกลับมาพิจารณาอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับวิธีการที่พวกเขากำลังบริหารจัดการสถานที่ทำงานของพวกเขาอยู่ในเวลานี้ โดยที่พวกลูกจ้างพนักงานในปัจจุบันกำลังเป็นผู้ผลักดันให้องค์การทั้งหลายยุติโครงสร้างต่างๆ ที่เคยเป็นมา และเวลานี้องค์การต่างๆ ไม่ได้ให้เหตุผลอันหนักแน่นจูงใจเพียงพอที่จะให้พวกพนักงานลูกจ้างอยู่ทำงานต่อ ความผูกพันของพนักงานลูกจ้างยังคงอยู่ในระดับต่ำในทั่วทุกอุตสาหกรรม

สำหรับเรื่องสถานที่ทำงานนั้น ผลสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างวัยทำงานทั้งหมด 15,000 คน ซึ่งกระทำในปี 2016 ชี้ว่า 43 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานชาวอเมริกัน บอกว่า พวกเขาทำงานนอกสำนักงานในบางครั้ง เพิ่มขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับผลการวิจัยที่ทำไว้เมื่อปี 2012

ทั้งนี้พนักงานส่วนที่บอกว่าพวกเขาใช้เวลาเพียงหนึ่งวันหรือน้อยกว่านั้นต่อสัปดาห์ในการทำงานนอกสำนักงาน มีจำนวนน้อยลงมาก จากเดิม 34 เปอร์เซ็นต์ในปี 2012 เหลือเพียง 25 เปอร์เซ็นต์ในปี 2016

ในขณะเดียวกัน พนักงานส่วนที่บอกว่าพวกเขาทำงานนอกสถานที่ สัปดาห์ละสี่ถึงห้าวันมีจำนวนเพิ่มจาก 24 เปอร์เซ็นต์ เป็น 31 เปอร์เซ็นต์

“มีรายงานข้อมูลอย่างต่อเนื่องจากแกลลัพ ว่า ตารางเวลาที่มีความยืดหยุ่นและการให้โอกาสทำงานจากที่บ้าน เป็นปัจจัยสำคัญและมีผลต่อการตัดสินใจทำงานหรือลาออกของพนักงาน”

“พนักงานพยายามผลักดันให้บริษัทเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรรูปแบบเก่าที่ใช้กันมาอย่างยาวนาน รวมทั้งนโยบายต่างๆ ที่มีผลต่อวันทำงานหรือตารางเวลาทำงานของพวกเขา”

รายงานของแกลลัพ บอกว่า พนักงานและหัวหน้างานบางคนเห็นด้วยกับระบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่นในลักษณะนี้ โดยให้เหตุผลว่า พนักงานที่ทำงานนอกสถานที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และการทำงานที่มีความยืดหยุ่นในลักษณะนี้จะช่วยลดช่องว่างความแตกต่างทางเพศอีกด้วย

ขณะที่ธุรกิจส่วนใหญ่ยอมรับแนวคิดนี้ โดยที่ธุรกิจด้านการเงินและอสังหาริมทรัพย์ แนวคิดนี้ได้เติบโตอย่างรวดเร็ว ระหว่างปี 2012 ถึง 2016 พนักงานในธุรกิจประเภทนี้มีสัดส่วนของการทำงานนอกสำนักงานเพิ่มขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งหมดสูงถึง 47 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ตาม แม้การทำงานนอกออฟฟิศจะเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น แต่แนวโน้มเช่นนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นในทุกวงการ โดยผลวิจัยของแกลลัพพบว่า ชาวอเมริกันซึ่งทำงานในกลุ่มธุรกิจ อาทิ การบริการชุมชนและสังคม วิทยาศาสตร์ วิศวกรรม สถาปัตยกรรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การฝึกอบรม และ ห้องสมุด การทำงานนอกสำนักงานในปี 2016 ลดน้อยลงจากที่เคยสำรวจไว้ในปี 2012

ขณะเดียวกัน ด้านธุรกิจขนส่ง คอมพิวเตอร์ ระบบฐานข้อมูล และคณิตศาสตร์ แม้มีสัดส่วนพนักงานเกินครึ่งที่บางครั้งทำงานนอกสำนักงาน ทว่าหลายบริษัทก็ต้องเผชิญปัญหาในการจัดสรรเวลาที่เหมาะสมให้กับพนักงานในการทำงานนอกสำนักงาน

ที่น่าสนใจคือ ในปี 2013 บริษัทชื่อดังอย่าง Yahoo ได้นำพนักงานกลับเข้ามาทำงานในสำนักงาน และเมื่อเดือนตุลาคม 2016 ที่ผ่านมา Aetna บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการสนับสนุนแนวคิดที่ให้พนักงานสามารถทำงานนอกสำนักงานได้ ก็ทำเช่นเดียวกับบริษัท Yahoo

ในอีกด้านหนึ่ง ขณะที่ผลงานวิจัยในปี 2012 พบว่า พนักงานกลุ่มที่รู้สึกมีส่วนร่วมและมีความมุ่งมั่นที่จะเห็นความสำเร็จขององค์กรสูงที่สุด เป็นกลุ่มที่ใช้เวลาในการทำงานนอกสำนักงานน้อยสุด ทว่าในปี 2016 ผลงานวิจัยล่าสุดพบว่าแนวคิดนี้ไม่เป็นความจริงอีกต่อไป

กล่าวคือ รายงานล่าสุดระบุว่า พนักงานกลุ่มที่ไม่เคยทำงานนอกสถานที่เลย กับกลุ่มที่ทำงานนอกสถานที่ตลอดเวลานั้น มีความรู้สึกมีส่วนร่วมและมีความมุ่งมั่นที่จะเห็นความสำเร็จขององค์กรเท่าๆ กัน ขณะที่พนักงานกลุ่มที่ใช้เวลาทำงานนอกสำนักงาน 60 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ต่อสัปดาห์เป็นกลุ่มที่รู้สึกมีส่วนร่วมและมีความมุ่งมั่นที่จะเห็นความสำเร็จขององค์กรสูงที่สุด

ทั้งๆ ที่พนักงานกลุ่มที่ทำงานนอกสถานที่เป็นกลุ่มที่ต้องใช้เวลาบางส่วนห่างจากผู้จัดการและเพื่อนร่วมงาน แต่พนักงานกลุ่มนี้กลับเป็นส่วนใหญ่ของพนักงานที่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งว่า คนในที่ทำงานใส่ใจพวกเขาและมีคนที่สนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของพวกเขาและได้พูดคุยกับพวกเขาถึงความเป็นไปในการทำงาน

นอกเหนือจากนี้ พนักงานกลุ่มที่ใช้เวลาสามถึงสี่วันต่อสัปดาห์ในการทำงานนอกสำนักงานเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มสูงที่สุดที่จะรู้สึกว่าพวกเขามีเพื่อนที่ดีที่สุดในองค์กรและมีโอกาสในการเติบโตในสายงานอีกด้วย แกลลัพรายงาน

ที่มา : http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9600000020058