NEA ปลื้มสัมมนา Export Clinic 2017 ผู้เข้าร่วมดีเกินคาด ดันผู้ประกอบการไทยลุยตลาดอินเตอร์หวังยอดส่งออกเพิ่มขึ้นในปี 60

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(Department of International Trade Promotion : DITP) โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy : NEA) จัดกิจกรรมExport Clinic 2017 เจาะลึกโอกาสตลาดต่างประเทศกับทูตพาณิชย์ไทยทั้ง 58 แห่งทั่วโลก รวมตัวกันในงาน แสดงสินค้าชั้นนำสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องประดับและอัญมณีระดับโลก Bangkok Gems & Jewelry Fair 2017” เมื่อวันที่ 22-24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เผยจุดประสงค์งานเพื่อให้คำปรึกษา              เรื่องการทำตลาดต่างประเทศ แก่ผู้ประกอบการ SMEs  ไทย และผู้ประกอบการด้านการส่งออกหน้าใหม่ หนุนผู้ประกอบการไทยไทยสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวสินค้า พร้อมลุยตลาดออนไลน์ ทั้ง E-Commerce และ M-Commerce

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ กระทรวงพาณิชย์ ปลื้มผู้ประกอบการ SMEs  ไทยทั้งรายใหญ่และรายย่อย เข้าร่วมกิจกรรม “Export Clinic 2017” ดีเกินคาด โดยมีผู้ร่วมงานกว่า450 คน โดยไฮไลท์เด็ดของงาน คือได้มีการจัดห้องพิเศษแยกออกเป็นตลาด แต่ละภูมิภาคคือ  ตลาดยุโรป , ตลาดเอเชียตะวันออก และโอเชียเนีย, ตลาดเอเชียใต้, ตลาดอาเซียน, ตลาดจีน, ตลาดตะวันออกกลาง, ตลาดแอฟริกา, ตลาดลาตินอเมริกา และตลาดอเมริกาเหนือ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้าร่วมงานจะได้เลือกศึกษาตลาดของภูมิภาคที่ตนสนใจ 

เป้าหมายหลักของกิจกรรม “Export Clinic 2017” ในครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักในการจัดงานเพื่อผลักดันและพัฒนาศักยภาพการผลิตของผู้ประกอบการของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างเอกลักษณ์ให้ตัวสินค้าสินค้า รวมถึงมีแบบแผนและข้อมูลสำหรับการส่งออกสินค้า และทำการตลาดต่างประเทศในแต่ละภูมิภาค ซึ่งในแต่ละภูมิภาคทั่วโลกย่อมมีความแตกต่างกันตามเงื่อนไขข้อกฎหมายและการค้าของประเทศนั้นๆ 

สิ่งหนึ่งที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ควรเน้นคือ การศึกษาในด้านตลาดออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น เพราะอัตราของผู้เข้าถึงอินเตอร์เน็ตและการใช้สมาร์ทโฟน ในไทยจากปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 38 ล้านคน คิดเป็น 56% ของประชากรไทย ในส่วนของการคาดการณ์ตลาด E-Commerce จากปี 2559 คาดการณ์ว่าจะมีการเติบโตขึ้น 12.42% หรือคิดเป็นมูลค่า 2.52 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 40.08%ของมูลค่าซื้อขายสินค้าและบริการทั้งหมดในประเทศ โดยอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดนี้ มาจากปัจจัย 3 อย่างคือ เทคโนโลยี ,นโยบายภาครัฐในการขับเคลื่อนสังคมเศรษฐกิจดิจิตอล และรูปแบบ การทำธุรกรรมทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทำให้คนหันมาใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดสัมมนาในหัวข้อต่างๆมากมายจากวิทยากร     ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ การสัมมนา “Discovery Gemmiferous Nations” สำหรับผู้ประกอบการด้านจิวเวลรี่ที่ต้องการสร้างเครือข่ายและโอกาสทางการค้า โดยมีวิทยากรมากประสบการณ์จากประเทศถิ่นกำเนิดอัญมณีงดงามระดับโลกคือ ศรีลังกา, ฟิลิปปินส์, อินเดีย, โมซัมบิก, และคุณบุญทวี ศรีประเสริฐ รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณี            และเครื่องประดับแห่งชาติ ตัวแทนผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีของประเทศไทย พร้อมไฮไลท์เด็ด การจัดแสดงอัญมณีล้ำค่า  จาก 3 ประเทศคือ ศรีลังกา อินเดีย และปากีสถาน

ปิดท้ายด้วยการชมลูกปัดโบราณหายาก ภายในงานสัมมนาลูกปัดโบราณ อารยธรรมล้ำค่าหรือ  Ancient Beads : A Cultural Heritage งานสัมมนาสำหรับผู้สนใจในศาสตร์แห่งลูกปัดโบราณ พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมโบราณจากลวดลายเครื่องประดับในอดีต ให้ความรู้ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ  4 ท่าน คือ นายแพทย์ประกาศ เจริญราษฎร์, คุณปราการ โคมแก้ว, คุณพีระชัย ลือเจริญเกียรติ และคุณอโศก เอเซี่ยนบึดส์

สำหรับการจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ทาง สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy : NEA) ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานหลายส่วนทั้งในและต่างประเทศ ในการประชาสัมพันธ์งานสัมมนา โดยเล็งว่าในครั้งต่อไปจะมีการขยายขอบเขตของงานให้ใหญ่ขึ้นกว่าปีนี้เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการไทยที่เพิ่มขึ้น