Facebook เจาะตลาด SME ในยุคโมบายครองเมือง

เมื่อกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กถือเป็นอีก 1 กลุ่มเป้าหมายหลักของ Facebook จึงใช้โอกาสที่ โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ข้างกายที่ขาดไม่ได้ นำเสนอบริการ “โมบายโซลูชั่น” ให้ เอสเอ็มอี ใช้ในการวางกลยุทธ์บนมือถือ

เฟซบุ๊ก ระบุว่า นอกจากฐานเพจธุรกิจกว่า 65 ล้านเพจ และโปรไฟล์ธุรกิจบน Instagram กว่า 8 ล้านราย ปัจจุบันผู้ลงโฆษณาอย่างต่อเนื่อง มากกว่า 5 ล้านราย เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของธุรกิจ ดาวน์โหลดแอพ และส่งข้อความ เฟซบุ๊ก รวบรวมบริการ  Facebook, Instagram และ Messenger ให้กับธุรกิจเอสเอ็มอีได้ใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ

ดูผลโฆษณาเปรียบเทียบกระตุ้นการใช้งาน

หนึ่งในบริการที่เฟซบุ๊ก ต้องการนำเสนอ คือ Ads Manager App ใช้ในการดูผลตอบรับของโฆษณาบนเพจได้แบบ
เรียลไทม์ หรือดูภาพรวมการเปรียบเทียบผลตอบรับของโฆษณาในสัปดาห์นี้กับสัปดาห์ก่อนหน้าและระบบโดยรวม โดยให้สลับการใช้งานระหว่างบัญชีผู้ใช้และเพจธุรกิจ สามารถเลือกแสดงผลโฆษณาได้สูงสุด 5 ชิ้น พร้อมกับเปรียบเทียบผลตอบรับของโฆษณาแบบชิ้นต่อชิ้น

นอกจากนี้เฟซบุ๊ก ได้เพิ่มฟังก์ชั่น การแจ้งเตือน เมื่อโฆษณาที่ได้รับความนิยม (เมื่อเทียบกับโฆษณาที่ใกล้เคียงกันชิ้นอื่นๆ) กำลังจะจบลง สามารถเลือกต่อระยะเวลาโฆษณาได้อีกหนึ่ง, สาม หรือเจ็ดวัน นอกจากนี้ยังให้เพิ่มในกลุ่มเป้าหมาย

โมบายสตูดิโอ

เฟซบุ๊กระบุว่า นี่คือ การเปิดพื้นที่สำหรับการแข่งขันทางความคิดสร้างสรรค์ ให้ธุรกิจนำเสนอผลงานครีเอทีฟให้คนทั่วไป โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กต่างๆ จำเป็นต้องวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างคอนเทนต์บน Facebook และ Instagram ได้อย่างรวดเร็ว ง่ายดายและประหยัดค่าใช้จ่าย

โดยธุรกิจต่างๆ จะได้เห็นว่าการจัดทำโฆษณาที่ดีสามารถใช้เพียงโทรศัพท์มือถือทำได้ง่ายๆ โดยให้ธุรกิจพัฒนาประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาด้วยแอพพลิเคชั่นและเครื่องมือต่างๆ บนมือถือ บนโมบายสตูดิโอ

หลักสูตรอีเลิร์นนิ่ง

ส่วนแพลทฟอร์มการเรียนรู้ผ่านออนไลน์ เพื่อให้ศึกษาเทคนิคแนวทางการปฏิบัติการโฆษณาบนแอพพลิเคชั่นและบริการของ Facebook โดยให้บริการ 10 ภาษา โดยปัจจุบันมีผู้ใช้เข้าร่วมหลักสูตรของ Blueprint แล้วกว่า 1 ล้านราย โดยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้เข้าร่วมเป็นธุรกิจขนาดเล็ก หลักสูตรที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ศัพท์ที่มักใช้งานบน Facebook (Facebook Terminology) เทคนิคการทดสอบแบบ A/B Testing ไปจนถึงเทคนิคและแนวทางปฏิบัติของแคมเปญที่ประสบ

โดยเฟซบุ๊ก จะเพิ่มหลักสูตรการเรียนรู้ใหม่ๆ ทุกเดือน และยังพบว่ามีผู้เข้าร่วมศึกษาหลักสูตรอีเลิร์นนิ่งถึง 2.5 ล้านครั้ง จาก 150 ประเทศทั่วโลกโดย 50 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมหลักสูตรเป็นเจ้าของหรือพนักงานในธุรกิจเอสเอ็มอี

สื่อสารกับลูกค้าได้ทันที 

การตอบสนองลูกค้าคนสำคัญของคุณอย่างทันท่วงที ถือเป็นกุญแจสำคัญของบริการ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะต้องรับมือกับปริมาณข้อความที่ลูกค้าส่งเข้ามาอย่างมากมายตลอดเวลา

เฟซบุ๊ก นำเสนอจัดการเพจ (Pages Manager App) ที่เชื่อมการสื่อสารในทุกแพลตฟอร์มเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Messenger หรือ Instagram โดยสามารถใช้งานบนหน้าเดสก์ท็อปได้แล้ว

ค้นหาลูกค้ารายใหม่

เฟซบุ๊ก นำเสนอ โซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อช่วยเหลือธุรกิจได้เชื่อมต่อกับลูกค้ารายใหม่

  • ฟีเจอร์กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันระดับโลก (International Lookalikes) ช่วยให้ธุรกิจค้นหาลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ
  • การกำหนดกลุ่มเป้าหมายแบบทั่วโลก หรือระดับภูมิภาค (Worldwide/Global Region targeting) ช่วยธุรกิจสร้างแคมเปญ รวมถึงหาคอนเวอร์ชั่นที่มีประสิทธิภาพ
  • ภาพรวมและข้อมูลเชิงลึกของแต่ละประเทศ (Country Snapshots and Insights Playbook) ช่วยธุรกิจให้สามารถจัดทำแคมเปญที่เฉพาะเจาะจงผู้บริโภคในแต่ละประเทศได้

เรียนรู้จากเจ้าของธุรกิจ

เฟซบุ๊กได้เปิดตัว Facebook Small Business Council เพื่อรวบรวมเรื่องราวต่างๆ จากธุรกิจจำนวนกว่า 40 ราย จากต่างอุตสาหกรรมและพื้นที่ในการทำธุรกิจ แต่ทว่ามีความเชื่อในแบบเดียวกัน เล็งเห็นความสำคัญในการบริการลูกค้า รวมถึงชุมชนอย่างยั่งยืน ซึ่งได้ขยายประเทศสหรัฐอเมริกา อินเดีย บราซิลและเยอรมนี โดยจะเปิดตัวในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมภายในปีนี้

แบรนด์แว่นตา GLAZZIQ เคสของไทย

เฟซบุ๊ก ได้ยกตัวอย่างแบรนด์แว่นตา GLAZZIQ (กลาซซิค) ของไทย ที่มีการซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซแบบอินเตอร์แอคทีฟ ควบคู่ไปกับการขายผ่านออฟไลน์ที่ร้านค้าพันธมิตร โดยแบรนด์แว่นตาได้สร้างการรับรู้ของแบรนด์ด้วยการจัดทำคอนเทนต์วิดีโอ บอกเล่าถึงประสบการณ์การเลือกซื้อแว่นตาแบบใหม่ อาทิ บริการเลือกแว่นไปลองที่บ้าน ให้ลูกค้าสามารถเลือกกรอบแว่นตาไปลองใส่ ที่บ้าน สามารถส่งคืนได้ที่เซเว่นอีเลฟเว่นทุกสาขา และมีบริการตรวจวัดสายตาได้ที่ร้านค้าที่ร่วมบริการ โดยใช้เครื่องมือเจาะกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองบน Facebook เพื่อนำเสนอกรอบแว่นตาใหม่ๆ ให้ลูกค้าที่ดูวิดีโอ ได้ทดลองตัดสินใจซื้ออีกครั้ง ด้วยการแท็กสินค้าที่ปรากฏในวิดีโอ กระตุ้นให้ลูกค้าไปเลือกชมสินค้าได้ต่อที่ฟีเจอร์ร้านค้าบน Facebook และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่านทางอินบ็อกซ์ เพื่อช่วยให้ ลูกค้าเหล่านั้นไปยังเว็บไซต์ เพื่อปิดการขายได้ในที่สุด

เฟซบุ๊ก ระบุด้วยว่า การโปรโมทโฆษณา บน Facebook และ Instagram ตลอดปี 2559 ที่ผ่านมา GLAZZIQ ได้ผลดังนี้

  • ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (Acquisition Cost) ได้ 60 เปอร์เซ็นต์
  • เพิ่มยอดขายต่อเดือนได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
  • เพิ่มจำนวนลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมที่หน้าร้านได้ถึง 10 เท่า
  • เพิ่มจำนวนบริการเลือกแว่นไปลองที่บ้าน (Home Try-On) ได้ 100 เปอร์เซ็นต์