Amazon-Google กำไรพุ่ง Microsoft เซ็ง Surface ทำรายได้หด

แฟ้มภาพสตีฟ บอลเมอร์ อดีตซีอีโอไมโครซอฟท์เมื่อครั้งเปิดตัว Surface รุ่นแรก ล่าสุดไมโครซอฟท์กำลังกลัดหนองเพราะ Surface ไม่ทำเงินให้บริษัทเท่าที่ควร

แอมะซอน (Amazon) เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซอเมริกันประกาศตัวเลขผลประกอบการ 3 เดือนแรกของปี 2017 โชว์กำไรพุ่งกระฉูด พร้อมกับที่กูเกิล (Google) ทำสถิติหุ้นพุ่งอีก 4% หลังแถลงกำไรเพิ่มก้าวกระโดด สวนทางกับไมโครซอฟท์ (Microsoft) ที่แม้จะมีรายได้จากธุรกิจบริการไอทีเพิ่มขึ้น แต่กลับถูกธุรกิจฮาร์ดแวร์อย่างเซอร์เฟส (Surface) ฉุดตัวเลขลง เพราะรายได้ในธุรกิจนี้หดหายไปมากกว่า 26%

Microsoft Surface ทำเงินน้อยลง 26%

ไมโครซอฟท์ยอมรับว่าเหตุที่ทำให้ธุรกิจ Surface ทำเงินน้อยลงเพราะการแข่งขันในตลาดคอมพิวเตอร์พีซีลูกผสม 2-in-1 ที่ดุเดือด ขณะเดียวกันก็ป้ายความผิดให้สายผลิตภัณฑ์หรือ product line ที่เริ่มล้าสมัยลง ทั้งหมดนี้ส่งให้ Surface ทำรายได้ลดลง 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เบ็ดเสร็จทำได้ 831 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.8 หมื่นล้านบาท) จากที่เคยทำได้ 1.1 พันล้านเหรียญ (ประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม ไม่ชัดเจนว่า Surface รายได้หดเพราะยอดขายลดลงหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่มีข้อมูลว่า Surface ถูก Dell XPS 13 2-in-1 หรือ Lenovo Yoga 910 ซึ่งเป็นคู่แข่งในตลาดเดียวกันแย่งส่วนแบ่งการตลาดจาก Surface Pro 4 รุ่นล่าสุดที่เปิดตัวเมื่อปี 2015 ไปได้มากน้อยเพียงใด โดยครั้งนั้นเป็นการอัปเดทจากรุ่น Surface 3 ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทำให้มีการประเมินว่า Surface รุ่นใหม่อาจเปิดตัวอีกครั้งในต้นเดือนพฤษภาคม

สำหรับไตรมาสที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์โชว์ว่าธุรกิจคลาวด์อย่างอาซัวร์ (Azure) และบริการซอฟต์แวร์ออนไลน์ “ออฟฟิศ 365” (Office 365) เป็นหน่วยธุรกิจที่เติบโตยอดเยี่ยม โดย Azure เติบโตมากกว่า 93% ส่งให้รายได้รวมไตรมาสที่ 3 ปีการเงิน 2017 ของบริษัท (มกราคม-มีนาคม 2017) อยู่ที่ 2.3 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน บนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 13% อยู่ที่ 5.7 พันล้านเหรียญ

Amazon หุ้นพุ่ง

มูลค่าหุ้น Amazon พุ่งขึ้น 4% ทันทีหลังการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2017 นักลงทุนพอใจกับรายได้ Amazon ที่เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 3.5 หมื่นล้านเหรียญ บนกำไรสุทธิ 724 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท)

เจฟ เบโซฟ ซีอีโอ Amazon

สำหรับธุรกิจคลาวด์ AWS สามารถทำเงินให้ Amazon ได้มากขึ้น 43% เบ็ดเสร็จคือ 3.6 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเติบโตของ AWS ไม่ได้สูงอย่างที่หลายคนหวังไว้ เนื่องจาก 3 ไตรมาสก่อนหน้านี้ AWS เติบโตมากกว่า 47%, 55% และ 58% ทีเดียว

ประเด็นที่น่าสนใจจากผลประกอบการ Amazon คือภาพรวมยอดขาย 3 เดือนแรกของปีนั้นเพิ่มขึ้น 23% โดยรายได้จากบริการค้าปลีกแบบสมัครสมาชิก ซึ่งส่วนใหญ่คือบริการ Amazon Prime รวมถึงบริการเพลงนั้นเพิ่มขึ้นกว่า 49% แตะระดับที่ 1.94 พันล้านเหรียญ

Google หุ้นทะลุเพดาน

ทำสถิติ all-time highs สำหรับหุ้นบริษัทแม่ของกูเกิลอย่างอัลฟาเบ็ต (Alphabet) ผลจากตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นอีก 22% เบ็ดเสร็จที่ 2.4 หมื่นล้านเหรียญ พร้อมกับค่าใช้จ่าย cost-per-click ที่กูเกิลต้องจ่ายให้เครือข่ายนั้นลดลง 19% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี

ที่น่าสนใจคือกลุ่มธุรกิจอื่นที่อัลฟาเบ็ตเรียกว่า “อาเธอร์เบ็ตส์” (Other Bets) ซึ่งรวมฮิตนานาธุรกิจที่นอกเหนือจากกูเกิล ได้แก่ หน่วยพัฒนารถขับเคลื่อนตัวเอง Waymo, พน่วยพัฒนาอุปกรณ์อัตโนมัติในบ้าน Nest, หน่วยพัฒนาโครงการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกล X และ Verily หน่วยพัฒนาระบบติดตามสุขภาพ ทั้งหมดนี้อัลฟาเบ็ตระบุว่า Other bets มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 244 ล้านเหรียญ จากที่เคยทำได้ 165 ล้านเหรียญ แต่ก็ขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 855 ล้านเหรียญ จากที่เคยขาดทุนอยู่ 774 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว

ซันดาร์ พิชัย สามารถดันบริการที่ไม่ใช่โฆษณาให้มีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 49% ในไตรมาสที่ผ่านมา

ภาพรวมกำไรของอัลฟาเบ็ตคือ 5.4 พันล้านเหรียญ โดยกูเกิลยังคงท็อปฟอร์มเพราะสามารถดันธุรกิจที่ไม่ใช่โฆษณาให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ธุรกิจเหล่านี้คือบริการซอฟต์แวร์ออนไลน G Suite, บริการร้านดาวน์โหลดคอนเทนต์บนอุปกรณ์แอนดรอยด์ Google Play และธุรกิจฮาร์ดแวร์ ซึ่งทำรายได้เพิ่มขึ้น 49% เป็น 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

ราคาหุ้นของกูเกิลปรับเพิ่มขึ้นทะลุ 900 เหรียญไปในช่วงเวลาหลังการประกาศ ก่อนจะปิดที่ 874.25 ในวันดียวกัน

ที่มา : http://manager.co.th/CyberBiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000043276