เปิดบทสรุป ใครเจ็บตัวจากมัลแวร์เรียกค่าไถ่บ้าง?

ข้อความข่มขู่ที่ผู้ใช้จะได้พบจากมัลแวร์ ระบุว่าผู้ใช้มีเวลา 3 วัน ในการจ่ายเงินจึงจะเข้าสู่ไฟล์ที่ต้องการได้ หากไม่ดำเนินการ ราคาค่าไถ่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วงหลังจากนี้

สุดสัปดาห์นี้โลกให้ความสนใจกับข่าวการระบาดของมัลแวร์เรียกค่าไถ่ ทำให้โรงพยาบาล บริษัท มหาวิทยาลัย และหน่วยงานรัฐบาลในกว่า 100 ประเทศต้องพบกับภัยโจมตีไซเบอร์ที่ไม่สามารถเปิดไฟล์ในคอมพิวเตอร์ได้หากไม่จ่ายเงินแก่แฮกเกอร์ รายงานล่าสุดระบุว่าการระบาดครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในภัยไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดของโลก คาดว่าจำนวนคอมพิวเตอร์ที่ได้รับผลกระทบจะสูงถึง 75,000 จุด

ตัวเลขประเมินความเสียหายนี้มาจากการสำรวจของบริษัทชื่อ Avast ซึ่งพบว่าพื้นที่หลักที่มัลแวร์นี้มุ่งโจมตีคือรัสเซีย ยูเครน และไต้หวัน นอกจากพื้นที่กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ ยังไม่แน่ชัดว่าขอบเขตการระบาดของมัลแวร์จะขยายไปครอบคลุมประเทศใดอีก แต่เชื่อว่าจะมีการขยายตัวอีกในวันจันทร์นี้ ซึ่งเป็นวันที่ทุกหน่วยงานจะเปิดทำการ

นี่เองที่เป็นเหตุผลให้ทุกหน่วยงานต้องเร่งประชาสัมพันธ์ และเตือนภัยให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงภัยมัลแวร์นี้ก่อนจะเริ่มงานในสัปดาห์ใหม่ เพื่อไม่ให้ต้องพบเจอกับข้อความข่มขู่ให้ชำระเงิน 300-600 เหรียญสหรัฐ แลกกับการเข้าถึงไฟล์ตามปกติ

กระทบทั่วโลก

บริษัทระดับโลกที่พบว่าเจ็บช้ำจากพิษมัลแวร์เรียกค่าไถ่มากที่สุดคือ FedEx และ Nissan

FedEx: บริษัทแถลงว่าพบปัญหามัลแวร์นี้ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ บริษัทกำลังพยายามแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด

Nissan: ผู้ผลิตรถยนต์กล่าวในแถลงการณ์ว่าภัยไซเบอร์นี้ไม่มีผลกระทบสำคัญกับบริษัท โดยยอมรับว่าบางหน่วยงานของนิสสันถูกกำหนดเป็นกลุ่มเป้าหมาย

เยอรมนี

Deutsche Bahn: บริษัทรถไฟเยอรมันให้ข้อมูลกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นมันนี (CNNMoney) ว่าการโจมตีของมัลแวร์กระทบกับการแสดงข้อมูลผู้โดยสารในบางสถานี ไม่เพียงระบบแสดงข้อมูลไม่ทำงาน แต่เครื่องจำหน่ายตั๋วบางเครื่องก็ได้รับผลกระทบด้วย

รัสเซีย

Russian Central Bank: ธนาคารกลางรัสเซียถูกสื่อของรัฐบาลชื่อแทส (Tass) รายงานว่าธนาคารได้ตรวจพบอีเมลขยะจำนวนมากถูกส่งมายังธนาคาร แต่ไม่พบต้นตอที่มา จุดนี้ธนาคารกลางยืนยันว่าจากการตรวจสอบ พบว่า ไม่มีข้อมูลใดได้รับกระทบ

Russian Railways: สื่อรัสเซียกล่าวว่ามัลแวร์นี้โจมตีระบบไอทีของการรถไฟของรัสเซีย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ เนื่องจากสามารถตรวจพบและแก้ไขได้รวดเร็ว จุดนี้การรถไฟรัสเซียพบว่ามัลแวร์ถูกนำมาวิเคราะห์และดำเนินงานด้านเทกนิคเพื่อทำลายและปรับปรุงระบบป้องกันไวรัสอย่างละเอียดแล้ว

Interior Ministry: กระทรวงมหาดไทยของรัสเซียยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการโจมตีของมัลแวร์นี้ โดยผลกระทบอยู่ระดับน้อยกว่า 1% ของระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด เรียกว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว

Megafon: โฆษกค่ายสื่อสารของรัสเซีย “เมกาโฟน” (Megafon) กล่าวกับซีเอ็นเอ็นว่าภัยมัลแวร์ส่งผลกระทบศูนย์บริการ ไม่ใช่เครือข่ายของบริษัท

สเปน

Telefónica: ทางการสเปนให้ข้อมูลว่า “เทเลโฟนิกา” (Telefónica) ค่ายสื่อสารสเปนเป็นหนึ่งในเป้าหมายของมัลแวร์นี้ โดยการโจมตีมีผลต่อคอมพิวเตอร์บางเครื่องเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า

อังกฤษ

National Health Service: องค์กรในเครือสาธารณสุขอังกฤษ NHS อย่างน้อย 16 แห่งได้รับผลกระทบ ตามข้อมูลที่ถูกแถลงในเว็บไซต์ NHS Digital ระบุว่าขณะนี้ไม่พบหลักฐานว่าแฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย แม้ว่าบางโรงพยาบาลในเครือจำเป็นต้องยกเลิกการนัดหมายผู้ป่วยนอกบางรายเพราะมัลแวร์

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอังกฤษประกาศเรียกประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตินี้ คณะกรรมการดังกล่าวถูกตั้งชื่อว่า “คอบรา” (Cobra) เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้หารือเกี่ยวกับการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้เครือข่ายของ NHS กลับมาเป็นปกติตั้งแต่เที่ยงวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น

ที่มา : http://www.manager.co.th/cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000048503