งานนี้พี่ขอลุยเอง ! “บีอิน สปอร์ต” บุกตลาดดูบอลออนไลน์ในไทย ประเดิม “พรีเมียร์ลีก” วันละ 49 บาท

บีอิน สปอร์ต เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์การแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ทั่วโลก ตั้งแต่พรีเมียร์ลีก ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ยูฟ่ายูโรปาลีก ลาลีกา เซเรียอา ลีกเอิง เอ็มแอลเอส ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น beIN SPORTS CONNECT ที่ให้ชมผ่าน LIVE STREAMING แบบ HD

ได้ 5 อุปกรณ์ ทั้งมือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ แต่จะรับชมได้เพียงครั้งละ 1 เครื่องเท่านั้น โดยมีราคาให้รับชมตั้งแต่รายวัน วันละ 49 บาท รายสัปดาห์อยู่ที่ 99 บาท รายเดือนเดือนละ 199 บาท และรายปีอยู่ที่ 1599 บาท

มร.ไมค์ เคอร์ กรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชีย บีอิน เอเชีย แปซิฟิก บีอิน สอปอร์ตด้เปิดตัวแอปพลิเคชั่นนี้พร้อมกันสามประเทศในวันนี้ คือ ไทย ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ และมีแผนจะเปิดตัวที่อินโดนีเซียในราวเดือนตุลาคมปีนี้ การเปิดตัวครั้งนี้ถือว่าเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากที่บีอินได้ทำการทดลองตลาดในประเทศไทยมาตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้

“ตลาดผู้ชมกีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลในประเทศไทย เป็นตลาดที่ใหญ่มาก เมื่อผสมกับการมีบริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เครือข่ายพื้นฐาน และเครือข่ายไร้สาย ที่มีจำนวนคนใช้บริการมือถือถึงกว่า 70 ล้านคนในประเทศ ทำให้เรามองว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตดูกีฬาออนไลน์”

อย่างไรก็ตาม บีอินปฏิเสธที่จะเปิดเผยยอดเป้าหมายลูกค้าจากการให้บริการนี้ เพียงแต่เชื่อว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี และเห็นผลภายในสองสามเดือนข้างหน้า

ทำตลาดเองเพื่อต้องการสร้างแบรนด์

บีอินมองว่า การที่บีอินต้องลงมาทำตลาดเองแทนที่จะขายลิขสิทธิ์เช่นเดียวกับเพย์ทีวีนั้น ก็เพื่อเป็นการสร้างความรับรู้ของตลาดดิจิทัลคอนเทนต์ และสร้างแบรนด์บีอินเองในวงการกีฬา โดยเป็นการทำตลาดที่แตกต่างจากตลาดทีวีบอกรับสมาชิก ที่บีอินขายลิขสิทธิ์ไปให้กับทรูวิชั่นส์ และพีพีทีวี ช่องทีวีดิจิทัล

อรรถพล ณ บางช้าง กรรมการผู้จัดการสายรายการ ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทรูมองว่าการที่บีอินเข้ามาทำตลาดออนไลน์เองนี้ คือหนึ่งในรูปแบบการสร้างแบรนด์ และจะเป็นการช่วยสร้างตลาดกีฬาออนไลน์ในประเทศให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น เพราะตลาดออนไลน์ที่ดูเป็นตลาดใหม่มาก

ก่อนหน้านี้ทางทรูได้ทำตลาดดูกีฬาออนไลน์ไปแล้ว ตั้งแต่รับชมผ่านทรูไอดี และขายแพคเกจของทรูมูฟ ในราคาเดือนละ 29 บาท ซึ่งสามารถรับชมทั้งกีฬาและรายการบันเทิงอื่นๆ

ยันไม่แข่งทรู เป็นพันธมิตรทรูมันนี่

มร.ไมค์ เคอร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บีอิน ไม่ได้ตั้งเป้าหมายแข่งขันกับทรูแต่ต้องการสร้างตลาดใหม่ๆ ในประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมอย่างอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์

นอกจากนี้ยังเป็นพันธิมิตรกับทรู โดยใช้บริการทรูมันนี่เป็นผู้ให้บริการในการจ่ายเงินซื้อแพ็กเกจต่างๆ และมีแผนขยายไปร่วมกับร้านสะดวกซื้อ และธนาคารต่างๆ ในการบริการตัดผ่านบัตรเครดิตในอนาคตด้วย

สำหรับบริการของบีอินในตลาดออนไลน์นี้ จะมีคอนเทนต์ต่างๆ ที่เหมือนกับช่องทีวี beIN SPORTS 1, 2, 3 และ 4 แล้ว ผู้ใช้งานสามารถเลือกชมรายการแข่งขันกีฬาได้ทั้งแบบถ่ายทอดสดและออนดีมานด์ที่มีให้เลือกมากมาย ผ่านมือถือ แล็ปท็อป และพีซี ผู้ชมสามารถตั้งระบบแจ้งเตือนได้ ฟีเจอร์ Playback ช่วยให้สามารถหยุดเล่นและย้อนกลับไปดูขณะรับชมการถ่ายทอดสด หรือเลือกดูผ่าน Chromecast หรือ AirPlay บนสมาร์ททีวีแบบ HD โดยผู้ใช้สามารถวางแผนเพื่อเลือกดูการถ่ายทอดสดรายการต่างๆ ได้ตามต้องการ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สำหรับตลาดคอนเทนต์กีฬาในประเทศ ข้อกังวลหนึ่งคือ การสมัครบริการออนไลน์นี้ จะไม่สามารถเอาไปให้บริการในเชิงธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร หรือร้านค้าต่างๆ ได้ โดยไมค์ เคอร์ กล่าวว่า ทางบีอินก็รับทราบถึงเรื่องดังกล่าว แต่เชื่อว่าคนไทยจะให้ความเคารพโดยไม่ละเมิดสิทธิ์ดังกล่าว หากมีการตรวจพบ ก็จะตัดสมาชิกคนนั้นทันที

ไมค์ เคอร์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าคอนเทนต์ส่วนใหญ่ของบีอินจะเป็นฟุตบอล แต่ก็ได้พยายามมองหาตลาดกีฬาประเภทอื่นๆ มาให้บริการอีกในอนาคต

บีอิน เอเชีย แปซิฟิก เป็นผู้ให้บริการสื่อหลากหลายช่องทาง ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬานัดสำคัญทุกรายการทั่วโลกผ่านช่องระดับพรีเมียม beIN SPORTS บริการของบีอิน เอเชีย แปซิฟิก มีตั้งแต่ข่าวสาร การวิเคราะห์ลีกดัง และการแข่งขันกีฬารายการดังทั่วโลก ให้บริการใน 11 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

สำนักงานใหญ่ บีอิน เอเชีย แปซิฟิก ตั้งอยู่ที่สิงคโปร์และเป็นส่วนหนึ่งของ beIN Media Group บริษัทสื่อและธุรกิจบันเทิงรายใหญ่ของประเทศการ์ตา และมีช่องรวมกันทั้งหมดกว่า 60 ช่องทั่วโลก กลุ่มบริษัท beIN Media Group เป็นเจ้าของและให้บริการเครือข่ายเพย์ทีวีชั้นนำในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และประเทศตุรกี สินทรัพย์อื่นๆ ของกลุ่มบริษัทฯ รวมถึง beIN SPORTS CONNECT แอปพลิเคชั่น multi-device player สำหรับรับชมการแข่งขันกีฬาและ Miramax บริษัทผลิตภาพยนตร์ ที่สำคัญยังเป็นเจ้าของเครือข่ายช่องข่าวระดับโลกอย่าง อัลจาซีราด้วย .