Color Marketing

เมื่อกล้องดิจิตอล โน้ตบุ๊ก ดีวีดี จอแอลซีดี เครื่องเล่น MP3 เครื่องเสียง โทรศัพท์มือถือ พรินเตอร์ แต่งแต้มสีสันให้เลือกสรรพอๆ กับเสื้อผ้าที่สวมใส่ และด้วยอิทธิพลของสีนี้เอง ที่สามารถกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ผลิตอย่างโซนี่ เอเซอร์ โนเกีย หันมาใช้สีเป็นอาวุธในการจูงใจลูกค้า

แต่งหน้า ทาปากให้สินค้า

ออกตัวอย่างชัดเจนเมื่อสองปีที่แล้วว่า “จะเอาดีกับสี” หรือการออกสินค้าที่เล่นสีสันเป็นหลัก ยิ่งมาวันนี้ “โซนี่” ก็ออกมาสะท้อนว่าสิ่งที่ตนพยายามอยู่นั้นกำลังไปได้สวย อย่างน้อยเพื่อหลีกหนีการแข่งขันเรื่องเทคโนโลยี หรือดีไซน์ ที่ใครๆ ก็ทำได้ และโซนี่ก็มองเห็นว่า “สี” น่าจะช่วยดึงดูดลูกค้าได้ดีในเวลาเช่นนี้

ดังเช่นการเปิดตัวกล้องดิจิตอลไซเบอร์ช็อต ตระกูล T จำนวน 2 รุ่น และโน้ตบุ๊กไวโอ้ รุ่นล่าสุดวางตลาด ครั้งนี้ โซนี่ไม่เพียงแค่บอกว่าของใหม่ที่จะเริ่มขายนั้นมีประสิทธิภาพดีแค่ไหน แต่โซนี่ยังให้น้ำหนักกับการโปรโมตว่าสินค้ารุ่นใหม่ของตนนั้นมาพร้อมกับสีอะไรบ้างให้เลือก

เพื่อตอกย้ำแนวคิดเรื่อง Color Marketing โซนี่จึงได้ผลิตแค็ตตาล็อกรวมสินค้าในหมวดภาพและเสียง หรือ AV เพื่อแจกจ่ายให้กับดีลเลอร์และลูกค้าของตนเอง ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่า โซนี่กำลังลงไปเล่นการตลาดแบบเข้าถึงอารมณ์ของผู้บริโภคที่จะเลือกสินค้าด้วย “สี” มากแค่ไหน

แค็ตตาล็อกหน้าแรกของโซนี่บอกชัดว่า “ให้พลังแห่งสีสันของโซนี่พาคุณฉีกกฎ ปลดปล่อยทุกอณูแห่งประสาทสัมผัสของคุณ หลุดพ้นจากแนวคิดเดิมๆ และเป็นคุณในแบบที่แตกต่าง”

ด้านในแบ่งสีเป็น 7 สี มีสินค้าหมวด AV ทุกชิ้นรวมกันตามสี ไม่ว่าจะเป็น กล้องดิจิตอล เครื่องเล่นดีวีดีแบบพกพา จอแอลซีดี โน้ตบุ๊ก เครื่องเล่นเอ็มพีสาม หูฟัง เครื่องบันทึกเสียง เครื่องเสียง โทรศัพท์มือถือโซนี่อีริคสัน กรอบรูปดิจิตอล พรินเตอร์ หรือแม้แต่กระเป๋าใส่กล้องดิจิตอล

กระตุ้นยอดขายได้ 40%

ไทสุเกะ นากานิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า “สองปีมาแล้วที่โซนี่เปิดตัวสินค้าที่เป็นสีสัน โดยเฉพาะกับไวโอ้ โซนี่ค้นพบว่า “สี” ช่วยทำให้โซนี่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะผู้หญิงและวัยรุ่น โดยสินค้าที่เป็นสีสันช่วยกระตุ้นยอดขายในกลุ่มผู้หญิงได้เพิ่มขึ้นถึง 40%”

แม้กลยุทธ์ของการเล่นสีนั้นจะไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ในตลาดไทยนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของสีในหมวดสินค้าไอที ยังกระจุกตัวอยู่กับสีของโน้ตบุ๊กเป็นหลัก และยังกระจายไปยังสินค้าอย่างอื่นไม่มากนัก เมื่อไม่นานมานี้ Dell ค่ายคอมพิวเตอร์จากอเมริกา เพิ่งจะเปิดตัวโน้ตบุ๊กในรุ่น Studio ที่มาพร้อมเฉดสีเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกันกับ Western Digital เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ขนาดพกพา ที่มีสีให้เลือกมากกว่า 12 สี

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้บริหารของเอเซอร์ในไทย เปิดเผยว่า เรื่องของสีจะกลายเป็นสิ่งหนึ่งที่เอเซอร์ค้นพบว่า จะช่วยให้เอเซอร์ขายของได้ และนั่นส่งผลทำให้เน็ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์พกพารุ่นเล็กภายใต้ชื่อ aspire one ของเอเซอร์ จึงเริ่มขายด้วยสีขาวก่อน ตามมาด้วยสีน้ำเงินเงาวาว และดูเหมือนจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเสียด้วย หรือแม้แต่ MSI แบรนด์คอมพิวเตอร์จากไต้หวัน ที่เปิดตัวเน็ตบุ๊กด้วยสีชมพูและขาว มากกว่าการจะเน้นไปที่สีดำหรือเงินเป็นหลัก

โนเกียเพิ่งจะเปิดตัวแฟชั่นโฟนรุ่นใหม่ของตัวเองเมื่อราวสองเดือนที่ผ่านมา โทรศัพท์มือถือรุ่นแฟชั่นที่โนเกียเปิดตัวปีละหนึ่งหนนั้น แต่เดิมยึดหลักของการเกาะติดกับกระแสแฟชั่นมาแต่ไหนแต่ไร แต่สิ่งหนึ่งที่โนเกียไม่ปฏิเสธได้ก็คือ การที่โนเกียเชื่อว่า “สี” จะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนเลือกโนเกีย

แฟชั่นโฟนรุ่นใหม่ของโนเกียจึงมาพร้อมกับฟังก์ชันการทำงานที่เล่นเรื่องสีเข้าไปด้วย ในโทรศัพท์มือถือรุ่นที่แพงที่สุดในตระกูลแฟชั่นโฟนของโนเกียปีนี้ มาพร้อมกับระบบการจดจำเม็ดสีสิ่งของ ที่ผู้ใช้เพียงแต่ยื่นมือถือเข้าไปใกล้ โทรศัพท์จะจำสีนั้นๆ จากสิ่งของที่มือถืออยู่ใกล้ แต่ทำการเก็บสีใช้เป็นธีมของมือถือได้ในทันที

นอกเหนือจากนั้น โนเกียจะเล่นเรื่องสีด้วยการออกแบบให้แฟชั่นโฟนในปีนี้ เปลี่ยนหน้ากากตามสีที่ลูกค้าชอบ นอกจากสีหลักของตัวเครื่อง ในกล่องของมือถือตระกูลนี้ยังแถมหน้ากากให้เปลี่ยน มีสติกเกอร์ที่โนเกียจะออกแบบขึ้นและวางขายสำหรับใช้แปะเปลี่ยนสีของตัวเครื่องได้อีกด้วย

ว่ากันว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โซนี่เปิดตัวสินค้าเพื่อขายในไทยไปแล้วกว่า 20 รุ่น ไทสุเกะ ยอมรับว่าทุกรุ่นของสินค้ารวมกันมีสีให้เลือกเกินกว่า 10 สี และเชื่อว่าเทรนด์ของการทำตลาดแบบเอาสีเข้าช่วย จะยังต่อเนื่องแบบนี้ไปอีกนาน ตราบใดที่ยังพบว่าการแข่งขันเรื่องเทคโนโลยี หรือรูปลักษณ์ไม่หนีกันมากนัก การหาความแตกต่างเรื่องสี เพื่อดึงดูดผู้คนที่มองสินค้าไอทีว่าเป็น Accessories หรือข้าวของส่วนตัว ซึ่งสามารถบ่งบอกความเป็นตัวตนหรือบุคลิกของตนได้ ย่อมเป็นทางเลือกที่ดีในการทำการตลาดของโซนี่

โซนี่ยังเปิดเผยด้วยว่า ทุกวันนี้สัดส่วนของการขายกล้องไซเบอร์ช็อตทั้งตระกูล W และ T กว่า 60% ของสินค้าที่ขายได้นั้นเป็นรุ่นที่มีสีสัน จำพวกชมพู หรือเขียว มากกว่าสีหลักที่นิยมกันแต่เดิมอย่างดำหรือเงิน ขณะที่ไวโอ้ก็เช่นกัน ในตระกูล CR กว่า 80% ที่ขายได้คือสีขาว ไม่ใช่สีดำ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นข้อพิสูจน์สำหรับโซนี่ว่าเทรนด์ของการเลือกสีของคนไทยเปลี่ยนไป

นอกจากนี้โซนี่ยังตอกย้ำด้วยผลสำรวจทั่วโลกรวมถึงในไทยที่พบว่า คนหมู่มากต้องการสีของสินค้าไอทีที่แปลกไปจากเดิม เช่น สีน้ำตาล หรือเฉดสีที่เข้าใกล้แดงแต่ไม่แรงเท่าแดงจัดจ้านเป็นต้น

การเปลี่ยนสินค้าจากสีพื้นจากดำหรือเงินมาเป็นสีชมพู เขียว ขาว ฟ้า หรือสีอื่นๆ ทำให้โซนี่สามารถขยายฐานลูกค้าของตนได้เพิ่มขึ้น อาทิ สินค้าในกลุ่มโน้ตบุ๊ก ซับแบรนด์ไวโอ้ ซึ่งพบว่า ผู้หญิงมักเลือกซื้อเพราะสีมากถึง 54.4% ผู้ชายมักเลือกเพราะสีสวยถูกใจราว 45.6%

แม้ผู้บริหารหลายค่ายจะบอกว่าในเร็ววันนี้ เทรนด์ของการทำลวดลายบนสินค้าไอทีจะมาแรง แต่จนถึงตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่าจนกว่า “ลาย” จะมาถึง ตอนนี้ให้ “สี” เล่นบทบาทของพระเอกที่เข้ามาช่วยให้ทุกแบรนด์ขายสินค้าได้ดียิ่งขึ้นก่อนไปพลางๆ

ผู้หญิงชื่นชอบสีชมพู
เขียวและขาวมาแรงสำหรับผู้ชาย

จากการเก็บตัวเลขของโซนี่ นับเป็นกรณีศึกษาของการทำการตลาดแบบเอาสีเข้าช่วยได้ดีไม่น้อย โดยโซนี่ได้ยกตัวอย่างของการเลือกตัดสินใจซื้อกล้องดิจิตอลของลูกค้าหญิงและชาย พบว่า หญิงมักจะเลือกกล้องสีชมพูก่อน ขณะฝ่ายชายมักจะถูกตาต้องใจกับกล้องสีเขียวและสีขาวมากกว่าใครเพื่อน

Cybershot T2

ผู้ชาย
Black 20
Green 17
LightBlue 21
Pink 20
Siver 21

ผู้หญิง
Black 10
Green 19
LightBlue 20
Pink 29
Siver 22

ไม่ว่าวัยไหนก็ชอบสีสัน
โซนี่ยังเปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้ซื้อกล้องไซเบอร์ช็อต และโน้ตบุ๊กไวโอ้ พบว่า สีมีผลต่อกลุ่ม Gen Y วัยรุ่น ระดับ ม.ปลาย และวัยเริ่มทำงานเป็นอย่างมาก หลายคนเลือกตัดสินใจซื้อสินค้าเพราะสีที่ตนชอบ และใช้แสดงตัวตนของตนต่อเพื่อนฝูง

ผู้หญิงชอบสีมากกว่าผู้ชาย
ผลสำรวจของโซนี่ในเรื่องเพศกับสี อาจไม่น่าแปลกใจนักว่าผู้หญิงเลือกซื้อสินค้าด้วยสีสันของสินค้ามากกว่าผู้ชาย แต่ตัวเลขนี้ไม่ได้ห่างกันมากนัก

ผู้หญิงเลือกซื้อสินค้าเพราะสีมากกว่าผู้ชาย

หญิง 54.4%
ชาย 45.6%