ขาเที่ยวมีโฮ! ญี่ปุ่นเล็งเก็บ “ภาษีการท่องเที่ยว” หาเงินโปรโมตประเทศ

รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพิจารณาจัดเก็บภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นที่เดินทางออกนอกประเทศ เพื่อนำรายได้ไปสนับสนุนประชาสัมพันธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในต่างประเทศ

นายอะกิฮิโกะ ทะมุระ ผู้อำนวยการใหญ่องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ทางองค์การฯกำลังศึกษาแนวคิดการเก็บภาษีการท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ให้หามาตรการสนับสนุนเงินที่ใช้ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในต่างแดน โดยรูปแบบการจัดเก็บคือ เก็บค่าธรรมเนียมกับผู้ที่เดินทางออกนอกจากประเทศญี่ปุ่นทุกคน โดยอาจรวมไว้ในค่าตั๋วเครื่องบิน 

ถึงแม้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางไปเยือนญี่ปุ่นจะเพิ่มเป็นประวัติการณ์ แต่รายได้ส่วนใหญ่ตกอยู่กับภาคเอกชน ขณะที่ทางรัฐบาลก็ต้องได้ยกเว้นวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจากหลายประเทศทำให้ขาดรายได้ไป จึงมีแนวคิดการจัดเก็บภาษีท่องเที่ยวเกิดขึ้นเพื่อปันรายได้บางส่วนกลับมาโปรโมตการท่องเที่ยว โดยประเทศยุโรปและเกาหลีใต้ก็มีการเก็บภาษีท่องเที่ยว ส่วนสหรัฐฯ เก็บภาษีท่องเที่ยวอัตรา 14 ดอลลาร์เฉพาะนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศที่ได้รับยกเว้นวีซ่าตามโครงการ Visa Waiver Program และประเทศไทยก็เก็บค่าธรรมเนียมสายการบินเข้า-ออกประเทศ อัตรา 15 บาท/คน/เที่ยวเช่นเดียวกันตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2559

ในปี 2016 มีชาวต่างชาติเดินทางมาญี่ปุ่นมากถึง 24ล้านคน และมีชาวญี่ปุ่นเดินทางไปต่างประเทศ 17 ล้านคน ซึ่งหากเก็บ “ภาษีท่องเที่ยว” คนละ 1,000 เยน ก็จะได้รายได้มากถึง 40,000 เยนต่อปี รายได้นี้จะนำไปสนับสนุนการท่องเที่ยวและปรับปรุงระบบการตรวจคนเข้าเมือง

อย่างไรก็ตาม องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นกำลังศึกษารูปแบบการจัดเก็บและเงื่อนไข เช่น อาจยกเว้นสำหรับชาวญี่ปุ่นที่เดินทางออกนอกประเทศ หรืออาจจัดเก็บเฉพาะผู้ที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเข้าญี่ปุ่น เป็นต้น รวมทั้งต้องเปรียบเทียบผลกระทบ เพราะแน่นอนว่าจะทำให้ราคาการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นสูงขึ้น 

รัฐบาลญี่ปุ่นตั้งเป้าให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเยือนญี่ปุ่น 40 ล้านคนในปี 2020 โดยขณะนี้ถึงแม้จะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่โตเกียวและเกียวโต โดยรัฐบาลญี่ปุ่นต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับปรุงระบบตรวจคนเข้าเมือง และงบประมาณสนับสนุนให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งคาดว่าระบบใหม่นี้จะใช้ในปีงบประมาณ 2018. 


ที่มา : manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9600000081321