“ทากะ เฮาส์” จุดเริ่มต้น ดูโอคู่ใหม่ “แสนสิริ-โตคิว”

คอนโดมิเนียมแนวราบ “ทากะ เฮาส์” (taka HAUS) มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท ถูกพัฒนาขึ้นต่อเนื่องหลังจากสองโครงการแรกอย่าง ฮาสุ เฮาส์ และ โมริ เฮาส์ ของ “แสนสิริ”  ในซอยสุขุมวิท 77 ได้ผลตอบรับดีเกินคาด

แต่สิ่งที่ ทากะ เฮาส์ แตกต่างไปจากสองโครงการก่อนหน้าคือ ครั้งนี้แสนสิริตกลงใจใช้วิธีร่วมทุนกับ “กลุ่มโตคิว” แทนที่จะฉายเดี่ยวอย่างที่แล้วมา โดยจัดตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า บริษัท สิริ ทีเค วัน จำกัด

แสนสิริถือหุ้น 70% กลุ่มโตคิวฯ ถือหุ้น 29% และสหโตคิวฯ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสหกรุ๊ปกับโตคิวถือหุ้น 1%

แสนสิริเป็นหนึ่งในผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่พัฒนาธุรกิจครบวงจร มีทั้งบ้านเดี่ยว โรงแรม และคอนโดมิเนียม เฉพาะในส่วนของคอนโดมิเนียมเอง มีด้วยกัน 4 แบรนด์ย่อยคือ The Line, The Base, D Condo และ HAUS (เฮาส์)

โดยเฮาส์เป็นแบรนด์ล่าสุดที่เปิดตัวไปในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา วางจุดยืนให้เฮาส์เป็นแบรนด์ที่เน้นธรรมชาติ เป็นคอนโดแนวราบมีไม่กี่ชั้น ใช้คอนเซ็ปต์แบบญี่ปุ่นเพื่อสร้างความแตกต่าง และดึงดูดลูกค้าต่างชาติ

เหตุผลในการก้าวเข้ามาของกลุ่มโตคิว ถือเป็นจุดเริ่มต้นของคู่หูคู่ใหม่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเอาความเชี่ยวชาญของแต่ละคนมากองรวมกัน และมองเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น

ไม่ใช่แค่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นการสร้างเมืองขนาดย่อมให้กระจายตัวอยู่ทั่วไปในเมืองใหญ่

ในอนาคตอันใกล้ กรุงเทพฯ จะเหมือนกับเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก คือมีความเป็นเมืองย่อยในเมืองใหญ่มากขึ้น (Cluster/District) ดังนั้นแล้วการที่ภาครัฐหยิบเอาเมืองย่อยๆ ที่มีลักษณะเป็นคลัสเตอร์ที่ถูกต้องแต่แรก จะส่งผลดีทั้งต่อผู้ประกอบการในแง่การลงทุน และส่งผลดีกับผู้บริโภคในการเลือกย่านที่พักอาศัยเพื่อใช้ชีวิต

“ต่อไปสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะไม่รวมศูนย์อยู่แค่กรุงเทพฯ ชั้นใน อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่จะกระจายออกไปยังพื้นที่อยู่อาศัยโดยรอบโดยการจับกลุ่มของเมืองย่อยจะเป็นไปตามสถานีรถไฟฟ้า แทนที่จะเป็นตามเขตปกครองหรือตามถนนเหมือนในอดีต” อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว

ปัจจุบันกรุงเทพฯ อยู่ในช่วงขยายโครงข่ายคมนาคม ส่งผลดีต่อการพัฒนาอสังริมทรัพย์ในพื้นที่เกิดใหม่ที่เชื่อว่ายังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอีกมาก ทั้งในเขตชุมชน และในแนวรถไฟฟ้า

ดังนั้นเป้าหมายร่วมกันทั้งแสนสิริและโตคิว จึงเริ่มถ่ายน้ำหนักมาที่การสร้างชุมชน โรงเรียน สิ่งอำนวยความสะดวก และแหล่งบันเทิงใจ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีในการพักอาศัยตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ไม่จำเป็นต้องเกาะกลุ่มความเจริญแค่ในกรุงเทพฯ ชั้นในเพียงอย่างเดียวอย่างที่แล้วมา

จุดยืนของแสนสิริคือ การทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เป็นแบรนด์ระดับโลก การจับมือกับกลุ่มโตคิวหนนี้ช่วยร่นระยะเวลาการสั่งสมชื่อเสียงให้สตรองได้มาก และเป็นโอกาสได้เรียนรู้โนว์ฮาวแบบญี่ปุ่น

กลุ่มโตคิวเป็นผู้พัฒนาและให้บริการระบบรถไฟในญี่ปุ่นมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และค้าปลีกเป็นเรือธง เริ่มเข้ามาขยายการลงทุนในไทยครั้งแรก จากการจับมือกับห้างมาบุญครอง และพาราไดซ์พาร์ค การเข้ามาผนึกกับแสนสิริ ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะได้เข้าถึงพฤติกรรมและตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนท้องถิ่นและลูกค้าต่างชาติที่จะเข้ามาอาศัยมากขึ้น จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอาเซียน และไทยก็เป็นศูนย์กลางของระเบียงเศรษฐกิจ

แสนสิริและกลุ่มโตคิว ได้เริ่มเจรจาเป็นพันธมิตรกันตั้งแต่ปลายปี 2559 ในการพัฒนาแนวคิด ทากะ เฮาส์ โดยกลุ่มโตคิวจะเข้ามาสนับสนุนทางด้านนวัตกรรมการก่อสร้างและที่อยู่อาศัย แนวคิดการอยู่อาศัยแบบญี่ปุ่น รวมถึงการจัดการทางด้านสินค้าและค้าปลีก

ในอนาคตเราจะได้เห็นโมเดลค้าปลีกในโครงการต่างๆ ของแสนสิริมากขึ้น รวมถึงการผสมผสานแนวทางของศูนย์การค้าแบบคอมมูนิตี้มอลล์สำหรับลูกบ้านแสนสิริ

“ทางโตคิวก็อยากทำค้าปลีกอยู่แล้ว อยู่ในช่วงกำลังพูดคุย และหาทำเล” ผู้บริหารแสนสิริกล่าวสรุป