ทุนไทยไล่ซื้อ “สถานทูต” ทำเลทอง สู่มิกซ์ยูส

การขายที่ดินที่เป็นที่ตั้งของสถานทูตเริ่มมีให้เห็นบ่อยขึ้น เพราะส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง อยู่ในย่านเศรษฐกิจ เรียกว่าเป็น “ทำเลทอง” เป็นที่หมายปองของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของศูนย์การค้า มาดูกันว่า กลุ่มทุนไหนจับจองกันแล้วบ้าง

นับจากสถานทูตอังกฤษ ขายที่ดินขนาด 9 ไร่ของสถานทูตอังกฤษ บนถนนวิทยุ เมื่อปี 2549 กลุ่มเซ็นทรัลชนะประมูล คว้าที่ดินดังกล่าวในราคา 9.5 แสนบาท/ตร.ว. เป็นผู้ซึ่งนับว่าเป็นการซื้อที่ดินที่มีราคาแพงที่สุดในขณะนั้น ปัจจุบันสร้างเป็นศูนย์การค้า เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่ มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท

เซ็นทรัลเอมบาสซี่

หลังจากนั้นสถานทูตญี่ปุ่นประกาศขายที่ดินบริเวณแยกอโศกเพชรบุรีตัดใหม่ เนื้อที่ 11 ไร่ เมื่อปี 2554 ซึ่งกลุ่มสิงห์ เอสเตท เป็นผู้ชนะการประมูลในราคา 1,600 ล้านบาท ตก ตร.ว.ละ 4.5 แสนบาท นำมาสร้างเป็นโครงการมิกซ์ยูส “สิงห์ คอมเพล็กซ์” มีทั้งคอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และค้าปลีก มูลค่า 13,000 ล้านบาท

สถานฑูตญี่ปุ่น

ล่าสุด ที่ดินสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เนื้อที่ 7 ไร่ 3 งาน 82 ตารางวา หรือ 3,182 ตารางวา บนถนนสาทร ติดถนนสวนพลู โดย ศุภาลัย อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ เป็นผู้ชนะประมูลไปในราคา 4,600 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็นตารางวาละ 1.45 ล้านบาท โดยวางแผนพัฒนาที่ดินเป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย อาคารชุดพักอาศัยและอาคารสำนักงาน ให้เช่า มูลค่าโครงการ 17,000 ล้านบาท

สถานทูตออสเตรเลีย

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สถานทูตอังกฤษได้ประกาศขายที่ดินอีกครั้ง รอบนี้มากถึง 23 ไร่ ปัจจุบันได้ผู้ชนะประมูลแล้ว ซึ่งมีกระแสข่าวออกมาเป็นระยะว่าเป็นกลุ่มเซ็นทรัลเฉือนเอาชนะเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒภักดี โดยอยู่ระหว่างรอสถานทูตอังกฤษเป็นผู้ประกาศผู้ชนะประมูลเอง โดยประเมินคราวๆ ว่าราคาน่าจะวิ่งไปถึง ตร.ว.ละ 2 ล้านบาท ถือว่าแพงที่สุดในเวลานี้

ที่มา : mgronline.com/stockmarket/detail/9600000095862