ใครจะหอมนานกว่า

เป็นเวลากว่า 30 ปีในตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มเมืองไทย จากแบรนด์ “สบาย” สู่ “คอมฟอร์ท” หนึ่งในแบรนด์เก่าแก่ของยูนิลีเวอร์ที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดหันมาเน้นตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นมากขึ้น ภายใต้ซับแบรนด์ “คอมฟอร์ท อัลตร้า” ด้วยการปรับแพ็กเกจจิ้งใหม่ และเพิ่มขวดสีทอง เป็นกลิ่นหอมที่ 3 ต่อจากสีฟ้าและสีชมพู พร้อมปักธงชิงความหอมยาวนาน 14 วัน เหนือคู่แข่งในตลาด หลังจากก่อนหน้านี้ปีเศษชูจุดขายความหอมนาน 7 วัน ชนดาวน์นี่ จากพีแอนด์จีซึ่งเพิ่งตัวใหม่ในครั้งนั้นแบบเต็มๆ

ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ที่ต้องมีการพิสูจน์ประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ คอมฟอร์ท อัลตร้า จึงจัดกิจกรรมท้าพิสูจน์ความหอมขึ้น ณ ดิจิตอลเกทเวย์ สยามสแควร์ โดยเริ่มดีเดย์วันที่ 17 กันยายน จากนั้นรอเวลา 14 วัน คือวันที่ 1 ตุลาคม จัดงานเปิดตู้พิสูจน์ความหอมให้เห็นกันจะจะ

อภิชาติ ศาลิคุปต ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผ้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ไทย เทรดดิ้ง จำกัด บอกว่า ปัจจุบันแต่ละแบรนด์จะแข่งกันที่ระยะเวลาของความหอม คอมฟอร์ท อัลตร้า สูตรเข้มข้นพิเศษที่ได้รับการปรับปรุงชูจุดขายที่ความหอมนาน 14 วันนานที่สุดในตลาด

ขณะที่แบรนด์อื่นอย่างไฮยีนใช้ก๊อบปี้ว่า นานกว่า 10 วัน ด้านดาวน์นี่คาดว่าจะมีการปรับกลยุทธ์การสื่อสารใหม่เพื่อต้านกลับในเร็วๆ นี้

แม้ปัจจุบันสัดส่วนของน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นจะยังมีไม่ถึง 20% ของตลาดรวม แต่อภิชาติเล่าถึงตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มในประเทศที่พัฒนาแล้วว่า ในอังกฤษและยุโรปเป็นตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นเกือบ 100% เนื่องจากมีหลายปัจจัยสนับสนุนทั้งกระแสโลกร้อน เพราะน้ำยาปรับผ้านุ่มเข้มข้นใช้แพ็กเกจจิ้งขนาดเล็กลง การขนส่งต่อเที่ยวจึงมีปริมาณมากขึ้น ลดค่าน้ำมันและลดปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซด์

ขณะที่ไทยมี Penetration Rate ของน้ำยาปรับผ้านุ่ม 90% สูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และหากดูเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลสูงถึง 96% ต่างจังหวัด 86% ซึ่งทิศทางต่อไปอภิชาติเชื่อว่าจะปรับตัวตามเทรนด์โลกที่หันมาใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นมากขึ้น แต่ในขณะนี้จะยังไม่มีการสื่อสารเกี่ยวกับ Global Concern แต่อย่างใด แต่จะเน้นสื่อสารเรื่องการใช้ในปริมาณครึ่งฝา ด้วย Wording ที่ท้าทายว่า “กล้ามั้ย…ลองมั้ย”

เขาเปรียบเทียบปริมาณการใช้งานของน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษกับสูตรธรรมดาว่า 1 ขวด 1 เดือน
น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรธรรมดา ขนาด 700 มล. ใช้ได้จำนวน 8 ครั้ง หรือขนาด 3 ถุง ใช้ได้นานเท่ากับแบบเข้มข้น 1 ขวด ใช้ได้ 20 ครั้ง ทั้งนี้โดยเฉลี่ยแล้วน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรเข้มข้นพิเศษจะมีราคาสูงกว่าสูตรธรรมดาราว 10-15% ขึ้นอยู่กับแบรนด์

ดังนั้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น ด้วยการออกแพ็กเกจจิ้งแบบซอง 24 มล. จำหน่ายในราคา 3 บาท ซึ่งเท่ากับการใช้งาน 1 ครั้ง อันเป็นทิศทางการแข่งขันของทั้งตลาดแทบทุกแบรนด์ เพราะนอกจากคอมฟอร์ทแล้ว ยังมีดาวน์นี่ และไฮยีนที่ใช้แพ็กเกจจิ้งแบบซองเป็นโอกาสในการขยายฐานเช่นเดียวกัน

อภิชาติให้ข้อมูลที่น่าสนใจว่า พฤติกรรมคนไทยเฉลี่ยซักผ้าวันเว้นวัน และผู้บริโภคมีเกณฑ์ในการเลือกน้ำยาปรับผ้านุ่มจากประสิทธิภาพเรื่องของการทำให้ผ้านุ่มเป็นหลัก ซึ่งเป็น Basic Function ขณะที่ปัจจัยจะชี้ขาดกันคือ ความหอมติดทนนาน ดังนั้น จึงเห็นการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มแบบธรรมดาในปริมาณมากเนื่องจากต้องการให้ผ้าหอมนาน

เพื่อปักธงสร้างการรับรู้และการทดลองใช้อย่างรวดเร็ว จึงจัดทีมคาราวานระดมแจกสินค้าตัวอย่าง 1.7 ล้านชิ้น ในบูธกิจกรรมคอมฟอร์ท อัลตร้าในศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต พร้อมกับใช้ TVC กระตุ้นให้เกิดการับรู้ทั่วประเทศและแสดงให้ผู้บริโภคเห็นถึงนวัตกรรมอันสะท้อนถึงภาพลักษณ์ที่ทันสมัยของแบรนด์คอมฟอร์ท อัลตร้า

แม้อภิชาติจะไม่สามารถแหกกฎของยูนิลีเวอร์บอกตัวเลขใดๆ เกี่ยวกับ Performance ได้ แต่ก่อนหน้านี้คอมฟอร์ทมีส่วนแบ่งการตลาดราว 34-35% เป็นผู้นำตลาดน้ำยาปรับผ้านุ่มเมืองไทยที่มีมูลค่าเกือบ 5,000 ล้านบาท มาอย่างยาวนาน แต่อย่างที่รู้กัน การแข่งขันทางการตลาดไม่เคยสิ้นสุดแถมร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกต่างหาก

Did you know?
คอมฟอร์ท อัลตร้า สูตรเข้มข้นพิเศษ ออกกลิ่นหอมใหม่ในแพ็กเกจจิ้งสีทอง เนื่องจากคนไทยชอบสีทอง ชอบความพรีเมียม ดูดีและเป็นมงคล