หมายเลข 1 ของซัมซุง

ซัมซุงก้าวสู่ปีใหม่ด้วยความแช่มชื่น ด้วยตัวเลขส่วนแบ่งด้านมูลค่าตลาดโทรศัพท์มือถือ ปี 2552 ที่กวาดมาถึง 35% ขึ้นคว้าแชมป์เบอร์ 1 แซงหน้าแชมป์เก่าหลายสมัยสัญชาติฟินแลนด์อย่างโนเกีย

เส้นทางความสำเร็จของซัมซุงมาจากบุกตะลุยวางตลาดโทรศัพท์มือถือทัชโฟหลากหลายรุ่น หลายราคา
ครอบคลุมทุกกลุ่ม ตั้งแต่ระดับบน ชนกับไอโฟนและแบล็คเบอร์รี่ จนถึงระดับกลางในราคาย่อมเยา อย่างซัมซุงแคนดี้ ที่ออกตัวมาด้วยราคา 5 พันกว่าๆ กวาดรายได้ให้กับซัมซุงไปถึง 50% ตอบโจทย์ผู้ที่เริ่มใช้สมาร์ทโฟนราคาย่อมเยา ซึ่งนับได้ว่าเป็นตลาดที่ซัมซุงสร้างความสำเร็จได้มาก และเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ และครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายได้กว้างกว่าไอโฟน และแบล็คเบอร์รี่ ที่จับตลาดบนเป็นหลัก

ขณะเดียวกัน ด้วยความที่ซัมซุงพยายามควบรวมระหว่างทัชโฟนและสมาร์ทโฟนเข้าด้วยกันในราคาย่อมเยา ทำให้ซัมซุงสามารถเจาะกินตลาดโทรศัพท์มือถือโลคัลแบรนด์หรือเฮาส์แบรนด์ ที่หลายรายพยายามเปิดตัวรุ่นที่เป็นทัชโฟนหรือคิวเวอร์ตี้ แต่ด้วยภาพลักษณ์อินเตอร์แบรนด์ของซัมซุง จึงเป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคได้มากกว่า

นอกจากนี้ ซัมซุงยังได้ลงมือปรับช่องทางจำหน่ายครั้งใหญ่เมื่อปี 2007 หลังจากที่เคยใช้บริการผ่านดิสทริบิวเตอร์เพียงรายเดียวอย่าง TWZ มาเป็นไมโครดิสทริบิวเตอร์ที่อยู่ตามจังหวัดต่างๆ จำนวน65 รายและจำหน่ายผ่านช่องทางร้านค้าปลีกอีกกว่า 300 แห่งทั่วประเทศ ลงทุนระบบไอที สามารถตรวจสอบการกระจายสินค้าจากดีลเลอร์ถึงลูกค้าได้ ช่วยให้การจัดส่งสินค้าจากส่วนกลางมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ผลสำเร็จที่ผ่านมา ซัมซุงหมายจึงมั่นปั้นมือว่า ในปี 53 ส่วนแบ่งตลาดของซัมซุงจะขยับไปถึง 40% ทั้งด้านมูลค่าและจำนวนเครื่อง โดยจะทยอยนำโทรศัพท์มือถือวางตลาด 50 รุ่น ในจำนวนนี้จะเป็นสมาร์ทโฟน 10-20 รุ่น ซึ่งรองรับระบบปฏิบัติการทุกระบบ ทั้งแอนดรอยด์ วินโดว์โมบาย ซิมเบียน

งานนี้ ซัมซุงเตรียมงบการตลาดไว้ถึง 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 50-60% ของงบการตลาดในปีที่ผ่านมา เพื่อใช้ในการผลักดันตลาดมือถืออย่างเต็มพิกัด ผ่านสื่อแบบครบวงจร รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น ผ่าน Facebook และ Twitter โดยเชื่อว่า โทรศัพท์มือถือจะเป็นสินค้าหลักที่ทำรายได้ให้กับซัมซุงได้มากที่สุดในปีนี้ รองลงมาคือ กล้องดิจิตอล

“เทรนด์ผู้บริโภคปีนี้ยังไม่พ้นกระแสทัชโฟนและสมาร์ทโฟน ยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น ราคาเฉลี่ยสำหรับโทรศัพท์มือถือในตลาดทั้งหมดของปีนี้จะอยู่ที่ 4 พันบาท และมีแนวโน้มโตขึ้น ซัมซุง ตั้งใจจะเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์มือถือในไทย ที่ครองส่วนแบ่งถึง 40%” มนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเล็คโทรนิคส์ จำกัด บอก

เพื่อตอกย้ำให้เห็นถึงความเป็นเป็นเบอร์ 1 โทรศัพท์มือถือ Samsung Candy Pop ซึ่งซัมซุงประเดิมวางตลาดในงานนี้ ถึงกับลงทุนเปลี่ยนมาใช้ชื่อรุ่น Samsung One โดยยังใช้บริการพรีเซ็นเตอร์คู่ใจอย่างเวียร์ ศุกลวัฒน์ คณาเรศ พระเอกหนุ่มสังกัดช่อง 7 เช่นเคย ซึ่งซัมซุงหวังจะกวาดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ใช้โทรศัพท์มือถือแบบทัชโฟนมาก่อน ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในปีนี้

“ปี 53 ซัมซุงน่าจะทำได้ดีต่อไปในตลาดระดับกลาง ส่วนระดับบนก็ยังคงเป็นแบล็คเบอร์รี่กับไอโฟน ส่วนระดับล่างจะเป็นเครื่องโออีเอ็มที่นำเข้าจากจีนมาครองตลาด เช่น จี-เนท เวลคัม ซึ่งปีนี้ความต้องการด้านสมาร์ทโฟนจะมีมากขึ้น เนื่องจากราคาเฉลี่ยถูกลงและมีผู้เล่นรายใหม่ เช่น แอนดรอยด์ของกูเกิล รวมทั้งสมาร์ทโฟนจากจีนที่มีราคาถูกเข้ามาทำตลาดมากขึ้น ปีนี้จึงน่าจะเป็นศึกของสมาร์ทโฟนทั้งทางด้านผู้ผลิตและผู้ให้บริการ ซึ่งจะมีความเข้มข้นกว่าปี 52 ที่เพิ่งเริ่มต้น” ธนา เธียรอัจฉริยะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงานพาณิชย์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์สถานการณ์เครื่องลูกข่ายของปีนี้ และสะท้อนชัดเจนถึงความเคลื่อนไหวของซัมซุงที่ต้องจับตา

ลำดับขั้นความสำเร็จของซัมซุงหลังจากปรับช่องทางจำหน่าย
ปี ส่วนแบ่งตลาด
2007 7.00%
2008 20.00%
2009 (ครึ่งปีแรก) 26.00%
2009 (ครึ่งปีหลัง) 35.00%
2010 40.00% (คาดการณ์)