ทศ จิราธิวัฒน์ ต้องเข้มกว่าเก่า

ได้รับมอบหมายงานมากขึ้น นอกจากจะนั่งเก้าอี้ กรรมการผู้จัดการใหญ่ CRC ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล (CMB) ทศ จิราธิวัฒน์ เลยมีเรื่องราวมากมายมาบอกเล่ากับสื่อมวลชนในงานแถลงข่าวประจำปี 2553 จากเดิมที่เคยทำอย่างรวบรัด แต่ครั้งนี้เขาบอกเล่าความเคลื่อนไหวล่าสุดของ CRC ยังแจกแจงการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้สร้างแบรนด์ไทยไปตีตลาดโลก รวมถึงการเปิดตัวธุรกิจใหม่ Financial Services ด้วย นับเป็นปีที่เข้มข้นที่ ทศ จิราธิวัฒน์ ต้องพิสูจน์ฝีมืออีกครั้ง

จากธรรมเนียมปฏิบัติที่ CRC แถลงข่าวประจำปีอย่างเป็นทางการในบรรยากาศเคร่งขรึม ณ ห้องประชุมเตียง เซ็นทรัล ชิดลม แต่สำหรับปีนี้กลับเลือกจัดงานในร้าน Bert’s ชั้น G ห้างสรรพสินค้าเซน ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองมากขึ้น ตรงข้ามกับธุรกิจที่เปิดเกมรุกเต็มที่

นอกเหนือจากการประกาศงบลงทุนกว่า 9,800 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในปี 2553 นี้ ทศ ยังเปิดประเด็นให้ผู้สื่อข่าวฮือฮาอีกว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ CRC มีความเคลื่อนไหวของ M&A (Merger & Acquisition) ครั้งใหญ่ ขณะนี้เจรจาใกล้แล้วเสร็จอยู่ 3 ราย โดยจัดสรรงบส่วนนี้ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท เลยทีเดียว

ไหนๆ ก็เตรียมควักงบลงทุนก้อนโตขยายห้างสรรพสินค้า การมีแบรนด์สินค้าของตัวเองก็ยิ่งเป็นเรื่องสำคัญ ทศจึงใช้เวลาที่เหลืออยู่ ประกาศการรุกธุรกิจ OBM (Own Brand Manufacturing) ผ่านพรีเซนเตชั่นอย่างเข้มข้นแบบสไลด์ต่อสไลด์ โดยมุ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการมีแบรนด์เป็นของตนเอง ขณะเดียวกันก็เป็นโต้โผใหญ่ในการจัดสรรให้เจ้าของสินค้าแบรนด์ไทยได้พบปะกับห้างค้าปลีกจากต่างชาติที่สนใจจะนำสินค้าแบรนด์ไทยไปจำหน่าย

เป็นทิศทางที่สอดรับกับการขยายธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่จะเป็นยุทธศาสตร์หลัก โดยปัจจุบันจากการเปิดสาขาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หังโจว เป็นสาขาแรกนั้น มีสินค้า OBM (Own Brand Manufacturing) ของไทยในสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น ดังนั้นหากมีการส่งเสริมด้านนี้อย่างจริงจังสินค้า OBM ของไทยที่จะผ่านเครือข่ายของเซ็นทรัลไปยังสาขาต่างๆ ในจีนที่จ่อคิวเปิดตัวจะเพิ่มสัดส่วนมากขึ้นด้วย

“สินค้า OBM จะมีมูลค่าเพิ่มกว่า OEM กว่า 350% ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรส่งเสริมเพื่อความยั่งยืนของธุรกิจไทย”

ปัจจุบัน ทศในวัย 45 ปี เป็นหัวเรือใหญ่ของ CRC เป็นปีที่ 8 แล้ว และดูแลสาขากว่า 473 สาขา (ภายในปี 2553) กับหน่วยธุรกิจต่างๆ คือห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าเซน บีทูเอสและเพจวัน ซูเปอร์สปอร์ต เซ็นทรัลฟู้ดส์รีเทล เพาเวอร์บาย โฮมเวิร์ค ไทยวัสดุ ซึ่งมีพื้นที่ขายรวมมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร

อีกทั้งการเตรียมลุยธุรกิจใหม่ด้านบริการทางการเงิน โดยสนใจในธุรกิจประกันภัยสำหรับลูกค้าของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าเดิมได้

แม้ตระกูลจิราธิวัฒน์จะมีทายาทสานต่อธุรกิจจนถึงรุ่นที่ 4 แล้วก็ตาม แต่เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลง และความซับซ้อนของผู้บริโภค เซ็นทรัลยุคนี้ก็ต้องดึงคนนอกมาร่วมงานมากขึ้น เป็นที่มาของโครงการ Management Trainee การบ่มเพาะผู้บริหารรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่คนของตระกูลจิราธิวัฒน์เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับองค์กรชั้นนำต่างๆ ที่ทำกันมานาน

“เราต้องการสร้างผู้บริหารจากภายใน ด้วยการคัดเลือกคนเก่งมีศักยภาพมาร่วมงานกับเราตั้งแต่จบปริญญาโท เพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งระดับ VP ต่อไปในอนาคต”

แม้จะมีภาระหนัก แต่บุตรชายคนที่ 10 ของสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ (ทายาทคนโตของเตียง จิราธิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งเซ็นทรัล) ยังคงมีพลังและมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรที่มีพนักงานเกือบ 20,000 คนแห่งนี้ให้เติบโตต่อไป

“เป็นสไตล์ของเซ็นทรัลที่ทำทุกสิ่งจริงจัง ไม่กลัวที่จะลงทุน”

Profile

Name ทศ จิราธิวัฒน์
ฺBorn 13 พฤศจิกายน 2507
Education
– มัธยมศึกษาโรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก
– ปริญญาตรีสาขาเศรษฐศาสตร์ Wesleyan University สหรัฐอเมริกา
– MBA (Finance), Columbia University สหรัฐอเมริกา
Career Highlights
– คณะกรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัล (CMB)
– กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด
– คณะกรรมการบริหารบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)
Family ภรรยา ศุกตา จิราธิวัฒน์