ติดใจออนไลน์

สำหรับโอเรียนทอล พริ้นเซส นับเป็นแบรนด์เครื่องสำอางประเภท Specialty Store ที่มีการทำการตลาดแบบครบเครื่อง โดยเฉพาะการใช้สื่อในรูปแบบผสานกันระหว่างภาพยนตร์โฆษณาและเว็บไซต์ โดยหลังจากความสำเร็จของคอลเลกชั่นพิเศษอย่าง Avatar ที่ใช้สื่อออนไลน์อย่างจริงจัง เมื่อคลอดคอลเลกชั่นพิเศษ “มายา” จึงเลือกเดินตามรอยความสำเร็จดังกล่าวอย่างไม่ผิดเพี้ยน

“เนื่องจากใช้สื่อออนไลน์แล้วได้ผลทั้งในแง่ของ Viral ยอดขาย และผลรางวัลที่ได้ทั้งจาก Adman ประเภท Campiagn for Viral Advertising และ B.A.D. Award ประเภท Website Designแสดงให้เห็นว่าเราใช้สื่อได้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่” พาสนา อินทราทิพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอ.พี.เนเชอรัล โปรดักส์ จำกัด บอก

ครั้งนี้ Limited Edition ของกลุ่มสีสันใช้ชื่อว่า “มายา” ซึ่งอัดงบการตลาดกว่า 50 ล้านบาท เพื่อผลักดันยอดขายในกลุ่มสีสันและน้ำหอม โดยยังคงใช้สื่อหลักเป็นภาพยนตร์โฆษณาอยู่ ซึ่งคงสไตล์หนังที่สวยงามและเทคนิคการถ่ายทำพิเศษเช่นเคย

นอกจากนี้แล้วยังมีสื่อออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อย่าง www.orientalprincess.com/mayaacademia ผลงานของ JWT เช่นเคยที่นำเสนอในรูปแบบของ มายา อะคาเดเมีย โรงเรียนสอนศาสตร์เสน่ห์แห่งการใช้สีและกลิ่น หรือพูดง่ายๆ ก็คือ คลิปสอนวิธีการเลือกสีที่ใช้ในการแต่งหน้า รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ เพื่อให้ตัวเองดูดี โดยมีนักแต่งหน้ามืออาชีพ และกูรูด้านไลฟ์สไตล์มาให้คำแนะนำและสอนเทคนิคต่างๆ

ทั้งนี้จะวางจำหน่ายมายาในระยะเวลา 6 เดือน ในราคาตั้งแต่ 135-565 บาท แต่พาสนาบอกว่า ยอดขายจะพีคในช่วง 3 เดือนแรก และคาดว่ายอดขายในกลุ่มสีสันจะเติบโตขึ้น 8% และทำยอดขายได้ 100 ล้านบาท มากกว่า Avatar ที่ปิดยอดขาย 80 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นยอดขายในระดับสูงเมื่อเทียบกับการเปิดตัว Limited Edition ในกลุ่มสีสันก่อนหน้านี้ที่ทำยอดขายเฉลี่ย 30 ล้านบาท เนื่องจากไม่ได้ใช้สื่อออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบในการเข้าถึงผู้บริโภค

ผลงานของมายาจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เป้าหมายในการผลักดันยอดขายในปี 2553 ถึงเป้าที่ 3,250 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งปิดที่ 3,012 ล้านบาท แม้โดยธีมแล้วมายาจะไม่แรงเท่ากับ Avatar ที่หยิบยกเอาเรื่องธาตุมาเป็นคอนเซ็ปต์ก็ตาม

Key to Success
1.CRM ผ่านกิจกรรมโรดโชว์ เวิร์คช็อป เพื่อขับเคลื่อนยอดขายด้วยสมาชิกเป็นหลัก โดยมียอดขายจากสมาชิกเติบโต 29% และจะมีสมาชิกครบ 1 ล้านคนในปีนี้ โดยปัจจุบันมี 765,000 บาท
2.เพิ่มช่องทางจำหน่าย ด้วยการขยายสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น โดยปัจจุบันมี 279สาขา เตรียมขยายอีก 20 สาขา โดย 15 สาขาเป็นต่างจังหวัด และ 5 สาขาเปิดในกรุงเทพฯ ซึ่งลงทุนเฉลี่ย 2.5 ล้านบาทต่อสาขา โดยปัจจุบันมียอดขายจากต่างจังหวัด 45%
3.สื่อสารการตลาดครบวงจร โดยเฉพาะสื่อออนไลน์
4.Price Positioning แบบ Affordableเพื่อสอดรับกับกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมายนักศึกษาและคนวัยทำงานเริ่มต้น โดยมีราคาต่ำกว่าร้านเครื่องสำอางแบบ Specialty Store อื่นๆ อย่าง เดอะ บอดี้ ช็อป

สัดส่วนรายได้ของโอเรียนทอล พริ้นเซส ปี 2552 (by category)
ผิวพรรณ (Facial) 34%
สีสัน (Colors) 34%
ร่างกายและเส้นผม (Body&Hair) 22%
ไลฟ์สไตล์ (Perfume) 10%