“วิชา พูลวรลักษณ์” พลัง “จอเล็ก” เพื่อ “จอใหญ่”

แค่ธุรกิจ “จอใหญ่” อย่างโรงหนังอย่างเดียวไม่พอแล้ว “วิชา พูลวรลักษณ์” ซีอีโอแห่งเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กำลังลุยเข้าสู่ “จอเล็ก” อย่าง “เคเบิลทีวี” เพราะธุรกิจใหม่นี้คือสิ่งที่เจ้าพ่อธุรกิจบันเทิงคนนี้บอกว่ารอบนี้ “ห้ามพลาด”!

เป็นความสนใจถึงขั้นที่ “วิชา” บอกเป็นคำตอบแรกๆ เมื่อถูกถามว่ากำลังสนใจอะไรมากที่สุดตอนนี้ ชัดๆ คือ “เคเบิลทีวี” หลังจากที่ “วิชา” เพิ่งเคาะโปรเจกต์ร่วมทุนกับค่ายกันตนา กรุ๊ป ด้วยทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท ตั้งบริษัทเมเจอร์ กันตนา บรอดคาสติ้ง ซึ่งจุดแข็งของ “เมเจอร์” คือคลังหนัง และเครือข่ายผู้ผลิตหนังตั้งแต่ จีทีเอช อาร์เอส จนถึงหนังฮอลลีวู้ด ส่วนกันตนาคือคอนเนกชั่นกับค่ายเคเบิลทีวี และฐานผู้ชมเคเบิลทีวีท้องถิ่นหลังจากที่ร่วมมือกับ “ไลฟ์” ค่ายบันเทิงที่ทำตลาดตลาดเคเบิลทีวีมาหลายปี

Strategic Move ของ “วิชา” ในช่วงปีที่ผ่านมาต่อเนื่องถึงต้นปีคือการ “ตัดและเติม” โดยเริ่มเติมพอร์ตการลงทุนของ “เมเจอร์” ด้วยการร่วมทุนกับค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่อินเดีย “พีวีอาร์” เพื่อพัฒนาแหล่งบันเทิงทั้งโรงหนัง และโบว์ลิ่งในอินเดียตั้งแต่ปี 2552 ต้นปี 2553 ก็เริ่มเคลียร์โดยตัดธุรกิจฟิตเนส “แคลิฟอร์เนีย ว้าว” ออกไป และเติมใหม่ด้วย “เคเบิลทีวี” ในชื่อช่อง M Channel

ธุรกิจล่าสุดอย่าง “เคเบิลทีวี” เขามองว่าเคเบิลทีวีคือ “สื่อ” ที่จะทำให้ “เมเจอร์” เติบโตยิ่งขึ้น เพราะแม้จะเป็นเพียงจอเล็ก เมื่อเทียบกับจอดิจิตอลขนาดใหญ่ในโรงหนัง แต่เคเบิลทีวีคือสื่อที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายและมากนับล้านคน ยุทธศาสตร์นี้ จะทำให้คนมาดูหนังเพราะรู้ว่ามีหนังดีจากการโปรโมตผ่านเคเบิลทีวี

ส่วนคอนเทนต์ของช่องนั้น “วิชา” บอกว่าได้หารือกับค่ายหนังไว้หมดแล้ว เพื่อเป็นพันธมิตรทั้งนำหนังมาฉายต่อ กับการโปรโมตหนังผ่านรายการวาไรตี้บันเทิง ซึ่งมีการลงทุนสตูดิโอใหม่รองรับการผลิตรายการด้วย โดยขณะนี้ทุกค่ายหนังให้การตอบรับอย่างดี เพราะนี่คือช่องเคเบิลทีวีที่เกี่ยวกับหนังที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการดูหนังให้คนไทยในแบบตะวันตก ที่เปลี่ยนจากการนิยมดูหนังเพราะไปดูนักแสดงนำ แต่ไปดูหนังเพราะชื่นชอบค่ายหนังแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวอลท์ ดิสนีย์ และดรีมเวิร์คส์ เป็นต้น

แผนนี้รองรับการลงทุนขยายสาขาของเมเจอร์ฯ ในปีนี้ ทั้งหมด 30 โรงในในต่างจังหวัด โดยเน้นโรงฉายดิจิตอลไม่ต่ำกว่า 70% ที่เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ธุรกิจโรงหนังที่กำลังมาแรงและเมเจอร์ฯ ให้ความสำคัญ เพื่อกวาดตลาดภาพยนตร์ให้ได้ ที่ “วิชา” บอกว่า “นี่คือ People Business ต้องเซอร์วิสลูกค้า ที่จะทำยังไงให้เขาอยากออกจากบ้านมาดูหนัง นี่คือสิ่งที่ Challenge ผม”

Profile
เมเจอร์ฯ มีธุรกิจหลักอยู่ 6 ส่วน ธุรกิจโรงภาพยนตร์ การให้บริการสื่อและโฆษณา การให้บริการโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ ธุรกิจให้เช่าพื้นที่และบริการ การจัดจำหน่ายวีซีดี ดีวีดี บลูเรย์ และลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ และธุรกิจผลิตภาพยนตร์ มีรายได้รวมในปี 2009 จำนวน 5,711 ล้านบาท โดยธุรกิจที่ทำรายได้สูงสุดคือธุรกิจโรงภาพยนตร์ 3,600-3,800 ล้านบาท คิดเป็น 80% ของตลาดที่มีมูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท

People

“วิชา พูลวรลักษณ์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดในบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ณ วันที่ 15 มีนาคม 2553 มีหุ้นอยู่ 36.72% เป็นเศรษฐีอันดับที่ 40 ของเมืองไทย ในปี 2009 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 2,890 ล้านบาท จากการจัดอันดับเศรษฐีของเมืองไทยของนิตยสารฟอร์บส์ ในต้นปี 2010 นอกจาก “วิชา” ได้เดินทางเพื่อลุยเต็มที่กับธุรกิจโรงหนังในอินเดียแล้ว เขายังเดินทางไปยุโรปเป็นการส่วนตัว เพื่อดูการทำตลาดของธุรกิจไวน์อีกด้วย