ใครจะไปรู้ว่าใช้จีเนท หรือไอ-โมบาย

จะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ดูเหมือนว่ามือถือฟีเจอร์โฟนของจีเนท 10 กว่ารุ่นที่ออกมาก่อนหน้านี้ ล้วนแต่ใช้ฟีเจอร์ “คิวเวอร์ตี้” หรือมือถือที่มีแป้นคีย์บอร์ดที่เป็นจุดเด่นของบีบี ทำให้หน้าตาไปเหมือนกับ “บีบี” แบบโคลนนิ่งกันมา แถมโลโก้จีเนทก็ไม่เด่นชัด ชนิดที่ว่าถ้าใส่ปลอกหุ้มแล้วดูเผินๆ ก็ไม่รู้ว่าเป็นยี่ห้ออะไร

นับเป็นการอาศัยช่องว่างทางการตลาดในกลุ่มผู้นิยมชมชอบบีบีแต่มีสตางค์น้อย ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก เพราะทุกวันนี้แม้แต่เด็กมัธยมก็ยังอยากเป็นเจ้าของบีบี ยิ่งหากเป็นเครื่องที่มียี่ห้อหน่อย และจีเนทก็เป็นที่รู้จัก แถมวางขายในราคาไม่ถึง 4 พันบาท ซึ่งเป็นราคาที่กลุ่มเป้าหมาย คือ วัยรุ่นทั่วประเทศที่กำลังซื้อไม่มากพร้อมจ่าย โอกาสในการทำตลาดย่อมมีอยู่มาก เพราะนอกจากหน้าตาจะเหมือนกับบีบีแล้ว คุณสมบัติอย่าง ดูทีวี และรองรับ 2 ซิมก็มีมาพร้อม

“วุฒิ จารุวัชรวรรณ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเนท อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ดีไซน์แบบ QWERTY เป็นที่นิยมมากในกลุ่มวัยรุ่นต่างจังหวัด ด้วยอิทธิพลของบีบีและพฤติกรรมที่ชอบพิมพ์ข้อความของวัยรุ่นช่วยผลักดันให้ยอดขายของรุ่นนี้มาแรง หลังจากครึ่งปีแรกที่เป็น QWERTY ไปกว่า 10 รุ่น และครึ่งปีหลังมีแผนจะเปิดตัวอีก 4-5 รุ่น ด้วยราคาแต่ละรุ่นไว้ไม่เกิน 3,990 บาท

การทำตลาด ยังคงใช้สื่อรูปแบบเดิมที่เคยสร้างจุดแตกต่างให้กับจีเนท หากเป็นกรุงเทพฯ ยังคงใช้สื่อโฆษณารถเมล์ ไทน์-อินในรายการทีวี ส่วนต่างจังหวัด จะเน้นโฆษณาผ่านวิทยุชุมชน รถสองแถวที่วิ่งในตำบลและชุมชน รวมถึงโรดโชว์ตามศูนย์บริการ

ส่วนค่าย สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด ก็มองเห็นโอกาสจากกลุ่ม Follower วัยรุ่นต่างจังหวัดที่สนใจบีบี ที่ขอแค่หน้า “เหมือน” เป็นพอ เปิดตัวฟีเจอร์โฟนรูปแบบ QWERTY หรือมือถือที่มีแป้นคีย์บอร์ดที่เป็นจุดเด่นของบีบี กันอย่างคึกคัก แบบจ่ายไม่ถึง 4 พันบาทก็ได้ลุคอินเทรนด์เหมือนถือบีบีแล้ว

“ตอนนี้เรามียอดขาย QWERTYถึง 40-50% ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดของมือถือที่ขายตอนนี้” ธนานันท์ วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) ยืนยันความ “แรง” ของ QWERTY โดยเฉพาะในต่างจังหวัดที่ขอแค่ให้หน้าตาเหมือนบีบีไว้ก่อน ที่สำคัญราคา “ย่อมเยา” กว่าบีบีที่ไม่ต่ำกว่าหมื่นหลายเท่า จ่ายแค่ 1-4 พันบาทก็สามารถเป็นเจ้าของ (ฝาแฝด) บีบีได้แล้ว

แม้ว่ายอดขายส่วนใหญ่ของเฮาส์แบรนด์ยังเป็นรุ่นราคาถูกเฉลี่ยเครื่องละไม่เกิน 2 พันบาท และเน้นว่าฟังก์ชันต้องครบตั้งแต่ฟังเพลง ฟังวิทยุ ดูทีวี 2 ซิม มีกล้อง แต่จากข้อมูลที่ทำให้เฮาส์แบรนด์ต้องปรับตัว ขยับเป็นฝาแฝดบีบีมากขึ้น คือ 1.จีเอฟเคระบุว่าส่วนแบ่งตลาดเฮาส์แบรนด์เริ่มลดลงเรื่อยๆ จากไตรมาส 4 ปีที่แล้วมีส่วนแบ่ง 40% มาเลือเพียง 30% ในต้นปีที่ผ่านมา และ 2.แนวโน้มที่มาแรง คือ QWERTY ที่หน้าตาเป็นบีบี ซึ่งโดนใจวัยรุ่นที่เป็นนักเรียน นักศึกษาในต่างจังหวัด ที่ไม่ต่างจากวัยรุ่นทั่วไปที่ชอบกดส่งข้อความจนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักสำหรับรุ่นนี้

เทรนด์นี้ทำให้ไอ-โมบายย่อมทุ่มทุนเปิดตัว QWERTY 2 รุ่นคือ i-mobile S382 และ S383 ในราคาไม่ถึง 3,500 บาท โดยดึงพรีเซ็นเตอร์มาช่วยสร้างกระแสอย่างอาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม จากวิก 3 พระราม 4 และ แพร-พิมพิศา จิราธิวัฒน์ ไฮโซรุ่นใหม่ทายาทเซ็นทรัลฯ โดยเทงบ 30 ล้านบาทกระจายทุกสื่อตั้งแต่ทำโฆษณา TVC ผ่านฟรีทีวี โรงหนัง สิ่งพิมพ์ วิทยุ สื่อออนไลน์ ไปจนถึงสื่อเอาต์ดอร์ และณ จุดขาย ด้วยเป้ายอดขาย 2 รุ่นรวมกันกว่า 6 หมื่นเครื่อง

นับเป็นทางออกของเฮาส์แบรนด์ ที่ไม่เคยเหนียมในการเลียนแบบ จากหน้าตาที่เคยเหมือนแบรนด์อินเตอร์ดัง ๆ เคยเป็นน้อง ๆ ไอโฟน ตอนนี้มาโคลนนิ่งบีบี สนามเฮาส์แบรนด์จึงกำลังคึกคักอีกครั้ง

ส่วนแบ่งตลาดมือถือในกลุ่มเฮาส์แบรนด์

ไอ-โมบาย 30%
จีเนท 20%
เวลคอม 10%
อื่น ๆ ที่เหลือ

ที่มา : จีเอฟเค

Brand I-mobile GNET
Model 10 รุ่น 17 รุ่น
Media โฆษณาผ่านฟรีทีวี โรงหนัง วิทยุ สิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ โรดโชว์หน้าร้าน รถประจำทางในกรุงเทพฯ รถสองแถวในชุมชน วิทยุชุมชน โรดโชว์ตามศูนย์บริการในต่างจังหวัด ไท-อินในละครทีวี สิ่งพิมพ์
Budget (ทั้งปี) 400 ล้านบาท 200 ล้านบาท
Function รองรับ 2 ซิม ดูทีวีระบบอะนาล็อก ถ่ายรูป ฟังเพลง ฟังวิทยุ รองรับ 2 ซิม ดูทีวีระบบอะนาล็อก ถ่ายรูป ฟังเพลง ฟังวิทยุ
Price 3,190-3,990 บาท 2,990-3,990 บาท