ทำไม ใครๆ ถึงอยากสร้าง “Digital Distribution Channel” ของตัวเอง

จากหลักการตลาด “Marketing Mix” ที่สำคัญอย่าง “Place” หรือ “Distribution Channel” ได้สร้างจุดเปลี่ยนให้กับ “แอพ” โดยเป็นช่องทางการเข้าถึง “แอพ” ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และง่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถซื้อ “แอพ” ได้ง่าย อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

จากเดิมยุคก่อนหน้า “App Store” จะถือกำเนิด มี “แอพ” ให้เลือกดาวน์โหลดอยู่ไม่น้อย แต่อยู่กระจัดกระจายตามเว็บของผู้พัฒนาแอพนั้นๆ บ้าง หรือตามเว็บที่เป็นหน้าร้าน อย่าง “Handango.com” หรือ “PocketGear.com”
ผู้ใช้จะต้องคอยเสาะแสวงหาว่ามี “แอพ” เด็ดตัวไหนตอบสนองความต้องการตัวเองได้บ้าง
ซึ่งไม่ได้หาเจอกันง่ายๆ “App Store” จึงตอบโจทย์ของ “Convenience” ได้ 100% เพราะไม่ต้องไปหาที่อื่นอีกแล้ว มีอยู่ที่นี่ที่เดียว แค่คลิกเดียวก็โหลดซื้อมาใช้ได้

เนื่องจาก iPhone เพราะเป็นระบบปิด ไม่สามารถโหลดแอพมาจากที่อื่นแล้วนำมาลงบน iPhone ได้ ตัว “App Store” จึงเป็นเหมือนร้านค้าผูกขาด “Exclusive” หนึ่งเดียวบน iPhone จึงทำให้ “App Store” ยิ่งโดดเด่น
ผู้ใช้ต้องพึ่งพา “App Store” และนักพัฒนาก็ต้องยิ่งพึ่งพา “App Store” เพราะไม่มีช่องทางอื่น
เมื่อมีช่องทางเดียว Apple ก็สามารถควบคุมดูแลได้ไม่ยาก เพราะทุกอย่างล้วนอยู่ในมือตัวเอง อำนาจต่อรองจึงมีมากที่สุดในบรรดา Stakeholders ที่เกี่ยวข้อง

ในขณะที่ “Android Market” , “BlackBerry App World” หรือ “Nokia Ovi Store” ไม่มีการผูกขาด ทำให้มีแอพจำนวนหนึ่งกระจัดกระจายตามเว็บนักพัฒนา หรือชุมชนออนไลน์ต่างๆ ยากต่อการควบคุมดูแล อำนาจต่อรองกับนักพัฒนาก็ลดลง ทำให้โอกาสในการสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำยากขึ้น เพราะนักพัฒนาสามารถนำแอพไปขายในช่องทางอื่นได้ ไม่จำเป็นต้องง้อเจ้าของแพลตฟอร์ม

ถ้าดูรูปแบบของ “Chrome Web Store” ก็จะเห็นว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจำหน่ายซอฟต์แวร์หรือแอพบน Desktop

ถ้าในอนาคต ทั้ง Microsoft Windows และ Apple Mac OSX ต่างพากันมี “Store” เป็นของตัวเองและอยู่ในลักษณะผูกขาด Exclusive บนแพลตฟอร์มของตน เหมือนเป็นเกมเพิ่มอำนาจต่อรองให้ตัวเอง ยังไงยังงั้น

ต่อไปเราอาจจะเห็นการขาย “แอพ” ผ่านช่องทาง Digital เหล่านี้ ทดแทนการวางขายเป็นกล่องๆ ตามร้านจำหน่ายสินค้า IT ก็เป็นได้