“ค่ายหนังใหญ่ๆ ในบ้านเรา หลายเจ้าบอกว่า ดูก่อน รอแป๊บหนึ่ง อยากลองเทสต์ แต่ต่างประเทศใช้กล้อง Digital SLR ถ่ายหนังมานานแล้ว ถ่ายเอารถชนกันเลย”
วรินทร์ ตันติพงศ์พานิช ผู้อำนวยการอาวุโสและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานคอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้ง แอนด์ อินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด เล่าถึงอาการลังเลใจของกลุ่มเป้าหมายใหม่ของกล้อง DSLR ซึ่งมีผลต่อการชะลอการทำตลาดของแคนนอนในการนำ DSLR รุกเข้าสู่กลุ่มดังกล่าวมาเป็นปี ก่อนจะตัดสินใจนำกล้อง DSLR ลุยเข้าธุรกิจภาพเคลื่อนไหวอย่างจริงจังตั้งแต่ปลายปี 2553 นี้
กระแสการถ่ายภาพยนตร์และมิวสิกวิดีโอด้วยกล้อง DSLR กลายเป็นตลาดที่แคนนอนกำลังได้ปลื้ม เพราะทำให้ตลาดของกล้อง DSLR ขยายฐานกว้างขึ้น และเป็นฐานผู้ใช้ที่ต้องการกล้องคุณภาพซึ่งใช้แทนกล้องถ่ายภาพยนตร์ที่มีมูลค่าสูงกว่า ส่งผลให้สถานะการเป็นผู้นำในตลาดกล้องของแคนนอนเมื่อคิดเป็นมูลค่ายืนอยู่ในตำแหน่งที่หนึ่งอย่างมั่นคงยิ่งขึ้น และไม่แคร์ที่จะปล่อยให้คู่แข่งหันไปสนุกสนานกับการเปิดเซ็กเมนต์มิรเรอร์เลส (Mirrorless) เซ็กเมนต์ใหม่ในตลาดกล้องที่มาแรงมาไม่แพ้กันของปีนี้
จริงจังแค่ไหน ดูได้จากทิศทางการทำตลาดกล้องของแคนนอนนับจากนี้ ซึ่ง วรินทร์ เล่าว่า แคนนอนตั้งเป้าที่จะทำคอนเซ็ปต์สโตร์ให้ได้ถึง 10 ภายในปีนี้ จากที่มีอยู่แล้วเดิมที่ภูเก็ต ชลบุรี กรุงเทพฯ เชียงใหม่ และขอนแก่น เพื่อหวังให้คอนเซ็ปต์สโตร์ทำหน้าที่เป็นแหล่งให้ลูกค้าศึกษาข้อมูลเทคโนโลยีที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์อย่างลึกซึ้ง
“ที่ชั้น 10 ของสำนักงานแคนนอนก็เป็นคอนเซ็ปต์สโตร์แห่งหนึ่ง เราเพิ่งรื้อทำใหม่ คอนเซ็ปต์จะเหมือนสตูดิโอถ่ายภาพยนตร์ มีสินค้า มีฉากให้มาลองสัมผัสกับเทคโนโลยี เราไม่ได้เซ็ตให้เป็นแค่โชว์รูม แต่จะเป็นสถานที่ที่เล่าเรื่องราวของเทคโนโลยีต่างๆ ตั้งแต่กล้องคอมแพค วิดีโอ DSLR อิงค์เจ็ท และเลเซอร์พรินเตอร์ ซึ่งการนำเสนอเทคโนโลยีเหล่านี้จะสะท้อนแนวทางในการนำเสนอผลิตภัณฑ์เข้าสู่ตลาดของแคนนอนต่อจากนี้”
พร้อมกับการปรับแนวทางตลาดกล้องครั้งใหญ่ แคนนอนเปลี่ยนแนวที่จะเลิกใช้พรีเซ็นเตอร์ โดยให้เห็นผลว่า
“พรีเซ็นเตอร์ใช้ได้แค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่สุดท้ายเราต้องกลับมาถึงเรื่องราวของเราเอง นั่นคือเรื่องของเทคโนโลยี”
เทคโนโลยีที่จะเน้นในผลิตภัณฑ์อิมเมจจิ้งทั้งหมด จะประกอบด้วย 3 ชิ้นส่วนหลักที่ถือเป็นหัวใจสำคัญด้านภาพ ได้แก่ 1-เลนส์ 2-DIGIC หรือชิปประมวลผลภาพ และ3-ระบบเซ็นเซอร์ CMOS แบบที่ใช้ในกล้องระดับซิงเกิลเลนส์ของแคนนอน และปัจจุบันพัฒนาให้มาอยู่ในกล้องระดับคอมแพคและกล้องวิดีโอด้วย
“สามตัวนี้เป็นคอร์เทคโนโลยีในกลุ่มสินค้าด้านกล้อง อุปกรณ์ที่พูดถึงทุกตัวนี้คือสิ่งที่แคนนอนผลิตเอง 100% เป็นเทคโนโลยีที่เราสั่งสมประสบการณ์มายาวนาน นอกจากคอนเซ็ปต์สโตร์ ใน TVC พรินต์แอด ก็จะเห็นองค์ประกอบเหล่านี้ที่เราจะใช้เป็นตัวหลักในการสื่อสารกับลูกค้านับจากนี้ไป” วรินทร์กล่าว
ส่วนความคาดหวังจากลูกค้านั้น แคนนอนเชื่อว่า จากกล้องถ่ายภาพยนตร์ราคา 3-4 แสน ใช้งานก็ยุ่งยากกว่า แถมจะต้องจัดไฟเพิ่มอีก การเลือกใช้กล้อง DSLR ในระดับ 3-4 หมื่น หรือเต็มที่ไม่เกินแสน ก็เริ่มต้นใช้ถ่ายหนังได้แล้ว ถือเป็นโอกาสทางการตลาดที่ไม่ควรพลาดที่จะทุ่มเท
บทเด่นของสตูดิโอ จึงว่ากันด้วยเรื่องเทคโนโลยีเพียวๆ ตามที่กำหนดไว้ ส่วนนางเอกบอกได้เลยว่า สตูดิโอแคนนอนแห่งนี้ งดใช้แล้ว
ตัวเลขตลาดกล้อง
แคนอนครองส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในแง่มูลค่ารวม 62%
ตลาดกล้องปี 2553 มียอดขายรวมประมาณ 1.2 ล้านตัว
แบ่งเป็นกล้อง DSLR 7,500 ตัว