ดับเบิลพรีเซ็นเตอร์ ดับเบิลแบรนด์พาวเวอร์

นอกจากกระแส ”ณเดชน์ คูกิมิยะ” แล้ว การใช้พรีเซ็นเตอร์มากกว่า 1 โดยเฉพาะดับเบิลพรีเซ็นเตอร์ ยังกำลังเป็นเทรนด์ที่มาแรง วิธีการนี้สำหรับนักโฆษณาแล้วคือการลดความเสี่ยงในการลงเม็ดเงินซื้อมีเดีย และการเก็บกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า 1

กรณีของ ”ตัน ภาสกรนที” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไม่ตัน จำกัด ที่เปิดตัวเครื่องดื่มสมุนไพร ”ดับเบิ้ลดริ้งค์” และใช้กลยุทธ์สื่อสารช่วงแรกด้วยทีวีซีที่นำแสดงเดี่ยวโดย ”ตัน” แต่ผ่านไประยะหนึ่งมี ”โน้ส อุดม แต้พานิช” มาร่วมแสดงทีวีซีชุดใหม่ ที่ ”ตัน” เองยอมรับว่าหลังจากโฆษณาใหม่ออกไปแล้ว ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว เพราะฐานแฟนของ ”โน้ส” ที่มีมากกว่าฐานแฟนของ ”ตัน” ซึ่งแฟนของตันอาจชอบตัน ชอบวิธีการทำธุรกิจของตัน แต่อาจไม่ชอบดื่มน้ำสมุนไพร แต่แฟนของ ”โน้ส” เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีโอกาสที่น้ำสมุนไพรจะถูกใจกลุ่มนี้มากกว่า

ก่อนหน้านี้ยังมีเครื่อมดื่มซุปไก่ ”แบรนด์” ที่ “ตุลย์ วงศ์ศุภสวัสดิ์” ผู้จัดการทั่วไปการจัดธุรกิจและการตลาด บริษัท เซเรบอส จำกัด บอกว่าแบรนด์ได้ใช้พรีเซ็นเตอร์มาโดยตลอด แต่ปรับเปลี่ยนพรีเซ็นเตอร์ให้เหมาะกับยุคสมัยและกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่เมื่อก่อนเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่มาทั้งครอบครัว เช่น ครอบครัว ”วรรธนะสิน” และครอบครัวของ ”นาวินตาร์” มาในยุคหลังเมื่อ 3 ปีที่แล้วมี ”โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร” เมื่อแคมเปญนานเกิน 3 ปีเริ่มไม่ตื่นเต้น ผู้ชมเริ่มชิน จึงมี ”นิชคุณ” มาเสริมทำให้ขยายกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และล่าสุดมีพรีเซ็นเตอร์วัยทีนอีก 1 คน ทำให้เด็กสนใจ แบรนด์ก็ดูวัยรุ่นมากยิ่งขึ้นอีก

เช่นเดียวกับ ”วันทูคอล” ที่แคมเปญแชตแอนด์แชร์ล่าสุดมี ”เป้ ดิม แจ๊บ จิดา” จากค่ายสมอลล์รูมเป็นพรีเซ็นเตอร์ ที่ “พงษกรณ์ คอวนิช” ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัทแอดวานซ์อินโฟร์เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เอไอเอส บอกว่าในวงการดาราขณะนี้ไม่มีศิลปินที่ดังมาก หรือโดดเด่นที่สุด ทำให้โฆษณาหลายๆ ชิ้นต้องมีพรีเซ็นเตอร์หลายคนเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายให้ได้หลายกลุ่ม ซึ่งขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแบรนด์นั้นว่าต้องการกลุ่มเป้าหมายใดในช่วงเวลานั้น แคมเปญแชตแอนด์แชร์จึงดึงพรีเซ็นเตอร์ 4 คนดังกล่าวที่มีฐานแฟนวัยรุ่นของตัวเอง เป็นกลุ่มที่เข้าถึงและจับต้องได้ง่าย ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของวันทูคอล

“วรรณี โกมารกุล ณ นคร” Managing Director Double O Nine เอเยนซี่ในเครือเดนท์สุ ไทยแลนด์ บอกว่านอกจากพรีเซ็นเตอร์ 2 คน หรือมากกว่า 2 คือเป้าหมายของแบรนด์ที่ต้องการจับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดความเสี่ยงจากการลงทุนซื้อมีเดีย เพราะปัจจุบันค่าซื้อเวลาโฆษณาต่อนาทีในปัจจุบันแพงมาก (ช่วงไพรม์ไทม์ปัจจุบันในช่อง 3-7 เฉลี่ยอยู่ที่ 3-4 แสนบาทต่อนาที)

เมื่อราคายิ่งแพงก็ยิ่งทำให้นักการตลาดไม่มั่นใจ แม้ว่าวงการโฆษณาและครีเอทีฟของไทยมีความสามารถในการสร้างหนังดีๆ ได้ก็ตาม

การมีพรีเซ็นเตอร์ทั้งผู้ชายและผู้หญิง หรือการมีหลายคน จึงป้องกันความเสี่ยง เพราะอย่างน้อยไม่ได้ก็ต้องได้ฐานแฟนของพรีเซ็นเตอร์คนใดคนหนึ่งอย่างแน่นอน

ตัวอย่าง 10 แบรนด์ที่ใช้โฆษณาโดยมีพรีเซ็นเตอร์มากกว่า 1 คนปี 2554

  1. ฮอนด้าบริโอ้ : หมาก ปริญ สุภารัตน์ คู่กับ ญาญ่า อุรัสญา เสปอร์นันด์
  2. เลย์ : ณเดชน์ กับ ญาญ่า / ณเดชน์-พอลล่า
  3. นมโฟร์โมสต์ : ณเดชน์ กับ ญาญ่า (ถ่ายทีวีซีคนละชุด)
  4. ดับเบิ้ล ดริ้งค์ : ตัน กับ โน้ส อุดม
  5. แบรนด์ : โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ กับ นิชคุณ
  6. ซัมซุงตู้เย็น : โดม ปกรณ์ ลัม กับไมค์
  7. มาสด้า2 : เป้ อารักษ์ กับ ณเดชน์
  8. ฟีโน่ : ณเดชน์ พลอย หอวัง เก้า จิรายุ ชิน ชินวุฒิ
  9. น้ำส้มทิปโก้ : หมาก ปริญ กับ พลอย เฌอมาลย์
  10. ไวตามิ้ลค์ : โตโน่-มาริโอ้