ทางลัดของ ลีโอ เบอร์เนทท์

Tom Bernardin ใช้โอกาสมาเยี่ยมสาขาในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ซึ่งลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นหนึ่งในครีเอทีฟ ฮับสำคัญของลีโอ เบอร์เนทท์ เช่นเดียวกับนิวยอร์ก เซี่ยงไฮ้ เซาเปาลู บัวโนสไอเรส และซิดนีย์ เป็นต้น

Tom Bernardin ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลีโอ เบอร์เนทท์ เวิลด์ไวลด์ ใช้โอกาสนี้บอกเล่ายุทธศาสตร์ของลีโอ เบอร์เนทท์ ที่จะให้ความสำคัญกับการควบรวมกิจการ หรือ Acquisition เอเยนซี่ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทั่วโลก เช่น ดิจิทัล เอเยนซี่ รีเทล เอเยนซี่ เป็นต้น

รวมถึงการควานหา Talent มาร่วมงานมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนบริษัทให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว

ต้องยอมรับว่าช่วงหลายปีมานี้ เป็นช่วงท้าทายธุรกิจเอเยนซี่โฆษณาอย่างน่าจับตา ทั้งจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงเร็ว มีความเป็นปัจเจกมากขึ้น การเกิดของสื่อใหม่ รวมถึงกระแสโซเชี่ยลมีเดีย เป็นแรงกระเพื่อมสำคัญ เอเยนซี่จึงต้องเลือกเดินทางลัด ใช้วิธี “ควบรวมกิจการ”

การสร้างขึ้นคนขึ้นมาอาจไม่ทันการณ์กับคลื่นพลังของSocial Media เป็นโลกของโฆษณาออนไลน์ที่ไม่เหมือนสื่อแบบดั้งเดิม ทำให้ลีโอ เบอร์เนทท์ยังต้องเลือก “เรียนลัด” ควบรวมเอเยนซี่ชำนาญด้านดิจิทัล

ต้นปีที่ผ่านมา ลีโอเบอร์เนทท์ ได้ควบรวมกิจการไปแล้ว 2 บริษัท คือ Holler โซเซี่ยลและมีเดีย เอเยนซี่ ต่อด้วย Airlock ดิจิทัล เอนเกจเม้นท์ เอเยนซี่จากอังกฤษ

“ผลจากการดำเนินธุรกิจตามปรัชญาดังกล่าว ทำให้ลีโอ เบอร์เนทท์เติบโต 8.1% ขณะที่อุตสาหกรรมโฆษณาโดยรวมทั่วโลกเติบโต 5% เป็นไปตามเป้าหมายของเราที่ต้องการเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมฯ” Tom Bernardin บอก

แต่เหนือสิ่งอื่นใด “เราต้องโฟกัสที่การสร้างสรรค์ก่อน จากนั้นเม็ดเงินรายได้จะตามมา รวมถึงการเติบโตด้วย” ซีอีโอ ลีโอ เบอร์เนทท์ ไม่ลืมที่จะบอก

ผลงานโฆษณาที่ถือเป็นกรณีศึกษาที่ลีโอ เบอร์เนทท์ ภาคภูมิใจ คือ แคมเปญ Earth Hour ของ World Wildlife Fund (WWF) ที่มีต้นคิดจากลีโอ เบอร์เนทท์ ออสเตรเลีย เมื่อปี 2550 แล้วมีการนำไปโปรโมตจนประสบความสำเร็จทั่วโลก ทำให้คนเปลี่ยนพฤติกรรมโดยการมีส่วนร่วมกับแคมเปญนี้อย่างง่ายๆ ด้วยการปิดไฟในวันที่ 26 มีนาคมของทุกปี เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 8. 30-9.30 น. ผลคือ ในปี 2553 มีคนนับพันล้านคนใน 4,616 เมือง ใน 129 ประเทศ ร่วมกิจกรรมนี้

ส่วนแคมเปญระดับประเทศ คือ “กอดเมืองไทย ให้หายเหนื่อย” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่กระตุ้นให้คนไทยออกมาเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น

ปัจจุบันลูกค้าของลีโอ เบอร์เนทท์ คือ แมคโดนัลด์ จีเอ็ม เทสโก้ วีซ่า ดิอาจิโอ พีแอนด์จี เฟียต ฮอลมาร์ค เคลล็อกซ์ ซัมซุง นินเทนโด และฟิลิปส์ มอร์ริส เป็นต้น ขณะที่ลูกค้าใหม่ในไทยบางส่วน คือ โคคา โคลา สีกัปตัน ผงปรุงรสฟ้าไทย น้ำปลาตราปลาหมึก ข้าวพันดี และอิเคีย เป็นต้น

ประมาณ 65-70% ของบิลลิ่งมาจากตลาดหลักซึ่งมีอยู่ 10-12 แห่ง เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร จีน รัสเซีย อินเดีย บราซิล อิตาลี ฝรั่งเศส เยอรมัน ญี่ปุ่น และตะวันออกกลาง

ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย แบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ
1. ลีโอ เบอร์เนทท์ ให้บริการสร้างสรรค์งานโฆษณา
2. แบล็ค เพนซิล ให้บริการที่ปรึกษาในการสร้างแบรนด์และองค์กรเชิงลึก
3. อาร์ค เวิลด์ไวด์ ให้บริการงานด้านการสื่อสารการตลาด ประชาสัมพันธ์และอีเวนต์
4. อัลฟ่า 245 ให้บริการสร้างสรรค์งานโฆษณา (รับงานโฆษณาที่เป็น Conflict Account กับลีโอ เบอร์เนทท์)