เอชทีซี ถ้าจะชนะ “ต้องง่ายเข้าว่า”

เอชทีซี พยายามอย่างยิ่งที่จะต่อสู้ในสังเวียนสมาร์ทโฟนที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง ล่าสุดจัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ 4 รุ่น คือ Sensation XE, Rhyme, Explorer และ Radar พร้อมแอบรีวิว รุ่น Sensation XL ในรูปแบบRegional Launch เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2554  ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ส ประเทศสิงคโปร์ โดยมีสื่อมวลชนจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียเข้าร่วมงานนี้

เนื่องจากเป็นการจัดงานในวันเดียวกับที่ Steve Jobs  ผู้ก่อตั้งแอปเปิลเสียชีวิต แม้จะเป็นคู่แข่งธุรกิจ แต่ทางเอชทีซีก็มีการกล่าวสดุดีและไว้อาลัยก่อนที่จะเริ่มเปิดตัว กับระยะเวลาการเปิดตัวเพียง 30 นาที มีการโชว์สไลด์เปรียบเทียบทั้งรูปลักษณ์และฟังก์ชันของเอชทีซี ทั้ง 4 รุ่นกับทั้งไอโฟนและซัมซุง รวมถึงการแสดงท่วงท่า ลีลาการเต้นของเหล่าแดนเซอร์ ประกอบดนตรีเร้าใจ เพื่อสื่อถึงคุณสมบัติเด่นของสมาร์ทโฟนรุ่นเด่นจากเอชทีซี 

Lennard Hoornik ประธาน เอชทีซี ประจำภาคพื้นเอเชียใต้ บอกว่า กลยุทธ์ของเอชทีซีในขณะนี้คือ จะต้องทำให้ผู้บริโภคได้รู้ว่า เอชทีซีมีดีอย่างไร โดยเฉพาะฟังก์ชันและดีไซน์ต่างๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ที่ผู้บริโภคต้องการ 

ด้าน Darren Sng ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์เอเชีย เอชทีซี ซึ่งเคยร่วมงานกับแอปเปิลมาก่อน ได้สาธิตเรื่องง่ายๆ ในแบบฉบับเอชทีซีให้กับสื่อมวลชนชม แสดงให้เห็นว่าเอชทีซีได้ตอบสนองการใช้งานและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของผู้บริโภค

“นี่จะเป็นจุดสำคัญที่จะทำให้ผู้บริโภคได้เห็นว่าเอชทีซีได้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคได้เหนือกว่าคู่แข่ง” 

รุ่น Sensation XE  ซึ่งนับเป็นรุ่นไฮไลต์ในการเปิดตัวครั้งนี้ เป็นการทำ Brand Collaboration กับ Beats Audio ซึ่งเป็น Studio Headphone ยอดนิยม ให้คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ ด้วยซอฟต์แวร์ที่อยู่ในตัวสมาร์ทโฟนที่เชื่อมโยงกับหูฟังของ Beatsภายในมีเอสดีการ์ด 8 GB บรรจุได้ราวพันเพลง ใช้ระบบโปรเซสเซอร์ดูอัลคอร์ 1.5 GHz สำหรับไทยเริ่มวางจำหน่าย 1 พฤศจิกายน 2554 ขณะที่รุ่น Sensation XL ซึ่งอยู่ในไลน์ของ Beats  Audio Phone เช่นเดียวกับ Sensation XE แต่ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมมีความทนทาน มีขนาดจอ 4.7 นิ้ว นับเป็นสมาร์ทโฟนที่มีหน้าจอใหญ่ที่สุดในขณะนี้ 

กลายเป็นรุ่นโชว์เคสที่จะทำให้ผู้บริโภคเห็นว่า เอชทีซีมีดีทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ รวมถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆ ไม่แพ้คู่แข่ง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้สมาร์ทโฟนยุคใหม่ คือ ต้องเร็ว คุณภาพเสียงต้องดี และสามารถใช้งานได้ยาวนาน หรือมีแบตเตอรี่ที่ทนทาน

โดยเบื้องหลังการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ HTC คือ เพื่อทำให้ชีวิตของผู้บริโภคง่ายขึ้น กับเรื่องราวเล็กๆ น้อยที่ไม่มีใครใส่ใจที่จะตอบสนอง เช่น การเรืองแสงของรุ่น Rhyme ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Stylish&Chic ผ่าน Charm ลูกปัดสี่เหลี่ยมที่ห้อยออกมาจากกระเป๋าถือ เมื่อมีสายเรียกเข้า ทำให้ไม่พลาดในการรับสาย แม้ไม่ได้ยินเสียงเรียกเข้าหรือเสียงสั่นทั้งในเวลาที่เดินช้อปปิ้งหรือเริงร่าราตรีอยู่ในคลับ ผับ บาร์ รวมถึงหูฟังที่ถูกออกแบบมาไม่ให้สายพันกันยุ่งเหยิงซึ่งเป็นอีกปัญหาที่ผู้ใช้งานมักจะประสบอยู่บ่อยครั้ง เป็นต้น

รุ่น Rhyme ยังมี Docking Station ที่นอกเหนือจากจะชาร์จแบตเตอรี่แล้วยังเป็นนาฬิกาปลุก ฟังเพลง ตั้ง Widget เก๋ๆ และพร้อมรับสายเรียกเข้าได้อีกด้วย ขณะที่แบรนด์อื่นอาจเห็นแค่ปริมาณแบตเตอรี่ที่กำลังชาร์จ 

ส่วนรุ่น Explorer เน้นเจาะตลาดอินเดียและตลาดที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาว์ กับฟังก์ชันใช้งานง่าย เช่น ด้านรุ่น Radar เป็นวินโดว์โฟนที่ไม่ได้เปิดตัวในเมืองไทย เนื่องจากผู้บริโภคชาวไทยให้การตอบรับวินโดว์โฟนน้อยกว่าแอนดรอยด์ 

งานนี้เห็นได้ชัดว่าเอชทีซี ไม่ได้เอาใจเฉพาะกลุ่ม Geek เท่านั้น หากแต่กำลังขยับเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการใช้สมาร์ทโฟนแต่ไม่ถนัดในเรื่องเทคนิค ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่มหาศาล  

ด้าน ณัฐวัชร์ วรนพกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เอชทีซี (ไทยแลนด์) บอกว่า เอชทีซีวาง Positioning ในระดับพรีเมียม ไม่ลงเล่นตลาดล่าง เพราะจำหน่ายสมาร์ทโฟนราคาเครื่องละ 7,000-20,000 บาทขึ้นไป ขณะที่คู่แข่งอย่างซัมซุงลงเล่นในระดับราคาต่ำกว่า 5,000 บาทก็มี ปัจจุบันเอชทีซีมีส่วนแบ่งการตลาด 14% มากกว่าซัมซุง 2-3 % (เฉพาะแอนดรอยด์ แต่หากรวมบาด้าของซัมซุงด้วยจะทำให้ซัมซุงมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า) 

พร้อมทั้งกล่าวเสริมถึงกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนเอชทีซีให้ได้รับความนิยมมากขึ้นว่า  

“หลักการง่ายๆ คือ เราทำโทรศัพท์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน หรือทำให้มัน Make Sense”

ดังนั้นเอชทีซีจึงเน้นใน “เรื่องน้อยนิดมหาศาล” ลงลึกในพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างละเอียด สังเกตสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แต่อาจไม่มีใครใส่ใจมาก่อน  

“อย่างรุ่น Sensation XE ไม่ใช่แค่กิมมิก ที่จับมือกับ Beats by Dr.Dre แต่เป็น Brand Enhancement หรือเป็นการเสริมศักยภาพของแบรนด์ให้ดีขึ้น” 

“เราดีใจที่แม้กระทั่งในพรีเซนเทชั่นเปิดตัวไอโฟน 4Gs ยังมีการให้เครดิตเอชทีซีว่าเป็นแบรนด์สามาร์ทโฟนที่มี Customer Satisfaction อันดับ 2 ของโลก”

  • พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน

จากตลาดสมาร์ทโฟนปี 2554 ที่คาดว่าจะมีสมาร์ทโฟน 300,000 เครื่อง มีพฤติกรรมการใช้งาน2 ส่วนหลักๆ คือ Work&Entertainment โดยนิยมบริโภคข้อมูลข่าวสาร เพลง มิวสิกวิดีโอ หนังสือและนิตยสารออนไลน์ รวมถึงเกมต่างๆ และจัดอันดับ Top 5 ได้ดังนี้ 1.เกม  2.เพลง 3.โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค 4.ข่าวสาร 5.กล้องถ่ายรูป

  • Beats Electronics LLC 

ก่อตั้งเมื่อปี 2549 โดย Dr.Dre เกิดจากความคลั่งไคล้ หลงใหลในดนตรีตามแบบฉบับของศิลปิน เขาจึงสร้างสรรค์หูฟังในแบบที่ศิลปินต้องการ ทั้งนี้ Dr.Dre เป็นโปรดิวเซอร์กับศิลปินชื่อดังหลายคน อาทิ เอมิเน็ม 

Dr.Dre เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จากการทำ Brand Collaboration กับศิลปินดัง ออกหูฟังรุ่นเลดี้ กาก้า และจัสติน บีเบอร์ เป็นหูฟังที่มีสนนราคาเฉียดหมื่นบาท ขณะที่หูฟัง Beats by Dr.Dre ของปลอมราคา 2,000-6,000 บาท เกลื่อนมาบุญครองและตลาดนัดออนไลน์ 

เมื่อสิงหาคม 2554 เอชทีซีลงทุน 300 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อหุ้น 51% ใน Beats Electronics LLC เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ที่ปลาบปลื้มกับดนตรีและเสียงเพลง แม้จะเป็นตลาดที่นิช แต่ก็มีศักยภาพและคนกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่เป็น Trend Setter ที่จะช่วยเขย่าตลาดสมาร์ทโฟนพรีเมียมให้กับเอชทีซีได้ในอนาคต