Nikon-Sony สะพาย DSLR พก Mirrorless

ยกขึ้นเล็ง กดนิ้วชี้ที่ชัตเตอร์ หลังจากนั้นกล้องจะทำให้ทุกอย่างเพื่อให้ได้ภาพออกมาสวยที่สุด ใกล้เคียงมืออาชีพแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

นี่คือแนวคิดของการผลิตกล้องถ่ายภาพดิจิตอลในทุกวันนี้ กล้องถูกสร้างให้เป็นเครื่องมือในการถ่ายภาพแบบสร้างสรรค์ทัดเทียมกล้องมืออาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด

ผู้ผลิตกล้องที่ยังไม่มีสินค้าแบบนี้ถูกมองว่าเป็นกลุ่มที่ตกยุค และจะถูกกลืนหายไปเรื่อย ๆ  

ผู้ผลิตกล้องระดับมืออาชีพรายใหญ่อย่าง Nikon ที่ผูกติดกับกล้องโปรมาอย่างยาวนาน ก็ตัดสินใจครั้งสำคัญ กระโดดเข้ามาทำกล้องกลุ่มนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าตัวเอง ไม่ให้ข้ามไปใช้ค่ายอื่น 

คู่แข่ง Canon ยังไม่ชัดเจนว่าจะเกาะรถไฟขบวนนี้ด้วยหรือไม่ ยังตั้งหน้าตั้งตาสร้างและรักษาตลาด DSLR อย่างเหนียวแน่น

โซนี่ ประกาศความพร้อม ส่งกล้อง Mirrorless รุ่นใหม่ลงตลาด 2 รุ่น อัดเทคโนโลยีรุ่นใหม่เข้าไป หลังปล่อยให้โอลิมปัส พานาโซนิค เปิดตัวไปก่อนถึง 2 เดือน

Mirrorless กำลังทำให้แบรนด์รองขึ้นมาเทียบชั้นกล้องเทพได้มากยิ่งขึ้น

 

  • Nikon DSLR ผู้พ่ายต่อ Mirrorless

ความลำบากใจของผู้ผลิตกล้องระดับแถวหน้าของโลกอย่าง Nikon สะท้อนออกมาอย่างชัดเจนในการเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ Nikon 1 เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา และเป็นวันที่เปิดตัวพร้อมกันทั่วโลก หลังจากที่มีข่าวเล็ดลอดออกมาตลอดเวลาถึงกล้องรุ่นใหม่

ที่ว่าลำบากใจก็เพราะว่าไม่สามารถหาคำนิยามที่เหมาะสม และไม่ซ้ำรอยกับกล้อง Mirrorless ของค่ายอื่นที่เกิดตัวล่วงหน้ามาเป็นปีแล้ว

เคนจิ คุมาคิ ประธานบริษัท นิคอน เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า กล้อง Nikon 1 เป็นระบบกล้องดิจิตอลรูปแบบใหม่ที่จะเปลี่ยนความคิดของการถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพดิจิตอลแบบเดิม โดยกล้อง Nikon 1 คือกล้องแบบเปลี่ยนเลนส์ได้ หรือ Advanced Camera with Interchangeable Lens (ACIL)

ประธานนิคอนใช้คำเรียกกล้องรุ่นใหม่นี้ให้แตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งเขาบอกว่าเป็นระบบที่นิคอนคิดค้นขึ้นมาและพัฒนาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายปี แต่ด้วยความล่าช้าทำให้กล้องรุ่นใหม่นี้ออกหลังคู่แข่ง

“Nikon 1 เป็นการสร้างตลาดใหม่ของนิคอนที่ไม่มีคู่แข่งในตลาด และเราคาดว่าจะเป็นที่หนึ่งในตลาดสร้างใหม่นี้”

นิคอน ไม่ยอมรับความเป็น Mirrorless ของตัวเอง เพราะมันแสลงใจ  

ระบบที่นิคอนบอกว่าคิดมาก่อน ทำมาก่อน แต่เปิดตัวช้ากว่า มีลักษณะเดียวกับกล้อง  Mirrorless คือไม่มีกระจกสะท้อนแสงเหมือนกล้อง DSLR ทั่วไป แสงจะผ่านเข้าไปถูกตัวเซ็นเซอร์โดยตรง มีขนาดเล็ก และใส่ความทันสมัย เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไป

ซึ่งที่ว่ามาทั้งหมดนี้เกิดขึ้น และรวมอยู่ในกล้อง Mirrorless แล้วทั้งสิ้น

ความแตกต่างของนิคอนก็คือการเปลี่ยนเลนส์ สามารถทำได้เฉพาะเลนส์ของนิคอนเท่านั้น ซึ่ง Nikon 1 จะใช้อะแดปเตอร์เพื่อให้ใช้เลนส์เมาท์ F ของนิคอนได้ ซึ่งเลนส์ในกลุ่มนี้มีมากกว่า 70 รุ่น  

นิคอนเลือกเปลี่ยนได้ในค่ายของตัวเอง ในขณะที่ในกลุ่ม Mirrorless สามารถเปลี่ยนเลนส์ข้ามค่ายได้ ซึ่งน่าจะมีเหตุผลจากการคาดหวังว่าแฟนของนิคอนจะซื้อกล้องรุ่นนี้เพิ่มเข้าไป และใช้อุปกรณ์ร่วมกับของเดิมได้  

ขายให้กับกลุ่มลูกค้าเดิม น่าจะทำให้ยอดขายช่วงแรกเดินไปได้ด้วยดี 

อีกทั้งเป็นการปกป้องแฟนของนิคอนที่มีความภาคภูมิใจในความเป็นระดับมืออาชีพของนิคอนที่สร้างสมมานาน และความเหนียวแน่นจองกลุ่มมืออาชีพที่ใช้กล้อง DSLR ยังเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่นิคอนแคร์ความรู้สึก และต้องรักษาเอาไว้

หากต้องทำกล้องแบบ Mirrorless ก็ขอให้อยู่ในอารยธรรมของนิคอนอยู่เช่นเดิม ไม่ได้แบ่งปันข้ามค่ายไปไหนทั้งสิ้น

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นิคอนจะคาดการณ์ว่ายอดขายกล้องรุ่นใหม่จะคึกคัก เพราะมีลูกค้านิคอนส่วนหนึ่งต้องการ และรอใช้อยู่

แต่ไม่ใช่ว่านิคอนไม่มองลูกค้าใหม่จากค่ายอื่นๆ นั่นก็เป็นตลาดที่ใหญ่และน่าสนใจอย่างยิ่ง

นิคอนผนวกรวม Brand ความเป็นกล้องระดับมืออาชีพเข้าไปในสินค้าตัวใหม่ เพื่อให้คนที่ใช้มีความรู้สึกว่าเป็นโปรมากขึ้น และรู้สึกทัดเทียมกับการใช้กล้อง DSLR ของนิคอน

ภาพลักษณ์ของกล้องมืออาชีพ ถูกนำมาใช้ต่อยอดใน Nikon 1ด้วย

เป้าหมายของ Nikon 1 ในการขายปีแรก

  • ส่วนแบ่งตลาด 50% จากกลุ่ม Mirrorless 
  • ส่วนแบ่งตลด 40% จากกลุ่ม DSLR
  • งบการตลาด 8% จากยอดขาย Nikon 1 

  • Canon  ฝนจะตก น้ำจะท่วม ก็ต้อง DSLR

การปรับตัวของนิคอนครั้งนี้ ทำให้ผู้ใช้กล้องหันไปมองที่แคนนอนว่าจะเดินเกมอย่างไร จะประกาศทำกล้องแนว Mirorless หรือจะยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกล้อง DSLR อยู่เช่นเดิม

ภาพลักษณ์ความเป็นกล้องมืออาชีพยังคงตรึงแน่นอยู่ใน Brand ของแคนนอน และเป็นสิ่งที่แคนนอนสร้างมาต่อเนื่องและยาวนาน

การที่จะลงมือทำกล้อง Mirrorless หรือไม่นั้น ต้องเป็นไปตามนโยบายของบริษัท ซึ่งล่าสุดในงาน แคนนอน เอ็กซ์โป ที่เซี่ยงไฮ้ ผู้บริหารของแคนอนเองก็มีท่าทีชัดเจนว่า กล้อง Mirrorless จากค่ายแคนนอนยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

แคนนอนยังบุกตลาด DSLR อย่างต่อเนื่องและรุนแรง เพราะมีการปรับกล้อง DSLR รุ่นล่างให้มาชนกับกล้อง Mirrorless ด้วยคุณสมบัติในการใช้งาน การเปลี่ยนเลนส์ สีสันที่ออกมาชนกับ Mirrorless อย่างชัดเจน 

แคนอนยังวางตัวเองเป็นกล้องเพื่อมืออาชีพ และกำลังต้องการเปิดตลาดจีนและอินเดีย ที่มีกำลังซื้อจำนวนมาก และกล้อง DSLR ในสองประเทศนี้ยังขยายได้อีกมาก

แต่ถ้าจะฟันธงว่า แคนนอนไม่ทำ Mirrorless เลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะด้วยเทคโนโลยี ทีมงานพัฒนาของแคนนอนเองสามารถทำได้ ขึ้นอยู่ว่าจะสั่งให้ทำเมื่อไหร่เท่านั้น

สิ่งที่ผู้บริโภคของแคนนอนกังวลมากที่สุดก็คือ การสิ้งลูกค้าเก่าของแคนนอน ในกรณีที่เปลี่ยนเลนส์ในตระกูล FD มาเป็นตระกูล EOS ที่แคนนอนทำแบบทิ้งเลนส์รุ่นเก่า และทำสินค้ารองรับเลนส์รุ่นใหม่อย่างเดียว  

ผู้บริโภคมีทางเลือก 2 ทางคือ เปลี่ยนมาใช้ EOS หรือเปลี่ยน Brand กล้องไปเลย 

ความกังวลของแคนนอนยังมีเรื่องการเติบโตของกล้อง Mirrorless เอง ที่เพิ่มขึ้นทุกปี  และในอนาคตจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะมาแซงและกินตลาดกล้อง DSLR 

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ค่ายโอลิมปัส ที่มีกล้อง DSLR ในตระกูล E ซึ่งเป็นกล้องระดับมืออาชีพทัดเทียม นิคอน และแคนนอน แต่เมื่อเปิดตัวกล้อง Mirrorless รุ่น PEN ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างดี จนสุดท้ายกล้อง DSLR ของโอลิมปัสก็หยุดการพัฒนาไปโดยปริยาย หันไปทุ่มให้กับกล้อง Mirrorless แทน 

แคนนอนยังต้องการเวลาประเมินความต้องการของผู้บริโภค และทิศทางของตลาด Mirrorless ว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดดขนาดไหน 

 

  • SONY ยืนสองขา Mirrorless และ DSLR 

ค่ายโซนี่ มองกล้อง DSLR และ Mirrorless อยู่ในกลุ่มเดียวกัน จึงเรียกกล้องในตระกูลนี้ว่า อัลฟ่า ซึ่งเดิมทำแต่กล้อง DSLR จนที่ยอมรับ และพัฒนาต่อมาเป็น Mirrorless ในรุ่น NEX 

โทรุ ชิมิซึ กรรมการผู้จัดการ บริษัทโซนี่ไทย จำกัด บอกว่า ตลาดกล้อง Mirrorless มีโอกาสอีกมาก และตลาดยังเติบโตได้อีก และตัวสินค้าที่พัฒนาต่อเนื่องจะผลักดันให้ตลาดขยายตัวได้อีก

เขามั่นใจการเติบโตของกล้อง Mirrorless เพราะในญี่ปุ่นกล้องกลุ่มนี้เติบโตสูงมาก โดยในประเทศไทยเองตลาดกล้อง Mirrorless ของโซนี่ปีที่ผ่านมาเติบโตถึง 20% ทำให้คาดว่าปีนี้จะมียอดขาย 15,000 ตัว

โซนี่จึงมีสินค้า 2 กลุ่มที่ควบคู่กันไป และสามารถเปลี่ยนเลนส์กันใช้ได้เมื่อใช้อะแดปเตอร์ 

การวางตำแหน่งกล้องของโซนี่มองไปที่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากกว่าที่จะเป็นมืออาชีพ  เพราะด้วยภาพลักษณ์ของโซนี่เอง เติบโตมาจากเครื่องใช้ไฟฟ้า และมีจุดแข็งในเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ๆ  

ที่สำคัญคือ โซนี่เชี่ยวชาญในเรื่องของกล้องวิดีโอระดับมืออาชีพ ส่วนกล้องภาพนิ่งพัฒนามาจากกล้องคอมแพค ในรุ่นไซเบอร์ช็อต

กล้องคอมแพคของโซนี่คือจุดขายสำคัญ และเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค โดยเฉพาะผู้ใช้กลุ่มใหม่ๆ และทุกวันนี้กล้องคอมแพคยังเป็นสัดส่วนสูงถึง 65% ในยอดขายกล้องรวมของโซนี่ และมียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในกล้องกลุ่มนี้ 

“ยอดขายกล้องในกลุ่ม DSLR และ Mirrorless มีสัดส่วนใกล้เคียงกันคือประมาณ 17% ” ประธานโซนี่ไทยให้รายละเอียด 

เขายอมรับว่า การเติบโตของกล้อง Mirrorless ของโซนี่ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่โซนี่ก็พยายามรักษาการขายกล้อง DSLR ให้ใกล้เคียงกัน เป็นการทำสมดุลระหว่างสินค้า 2 ตัว  ซึ่งในปีนี้กล้อง DSLR มีการปรับลดราคาลงมาเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

โซนี่ยังนำจุดแข็งของตัวเองในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำกับกลุ่มผู้ใช้กล้องรุ่นใหม่ ที่ต้องการความทันสมัยของอุปกรณ์ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ว่ากล้องโซนี่คือตัวแทนของกล้องที่ทันสมัยที่สุด มีเทคโนโลยีมากที่สุด 

สิ่งนี้สะท้อนออกมาในตัวสินค้ากล้องชัดเจนที่สุด เพราะกล้องของโซนี่เป็นกล้องที่มีความละเอียดถึง 24 ล้านพิกเซล มากที่สุดในกล้องดิจิตอลขณะนี้

ความแตกต่างของโซนี่ กับนิคอน และแคนนอนคือ โซนี่ไม่ได้สร้างภาพความเป็นผู้เชี่ยวชาญในกล้องสำหรับมืออาชีพ เพราะการสะสมประสบการณ์ยังน้อยกว่าทั้ง 2 ค่าย

โซนี่มองการทำตลาดกล้องทั้ง 2 รุ่นในกลุ่มผู้บริโภคที่มีความเป็นตัวเองสูง และต้องการความต่าง ด้วยการดึงศิลปินแห่งชาติ ถาวร โกอุดมวิทย์ เจ้าของโรงเรียนศิลปะ Adel มาร่วมโปรโมตการใช้กล้องตระกูลอัลฟ่า ใช้กล้องแทนภู่กัน จากภาพวาดเป็นภาพถ่าย ทำต่อเนื่องมา 2 ปี  

เป็นการสร้างกลุ่มอ้างอิงขึ้นมาเพื่อดึงให้ผู้บริโภคใหม่ๆ เข้ามสนใจสินค้าของโซนี่ ซึ่งมีผลตอบรับน่าพอใจ 

 

  • Mirrorless จุดเปลี่ยนตลาดกล้อง

กระแสของกล้อง Mirrorless หากดูจากการเข้ามาของผู้ผลิตกล้อง ต้องยอมรับว่า มีการขยายตัวที่น่าสนใจ และเป็นเป้าหมายที่ผู้ผลิตกล้องต้องลงมาเล่น ค่ายที่ยังไม่มีกล้องกลุ่มนี้เริ่มขยับเช่นซัมซุง ก็มีข่าวออกมาเป็นระยะว่าจะเปิดตัวกล้อง Mirrorless ภายในปีหน้า  ส่วนฟูจิก็ยังประเมินอยู่ว่าจะเข้ามาร่วมหรือไม่

การเข้ามาเล่นในตลาด Mirrorless แรงกดดันสำคัญคือ ราคของกล้องคอมแพคตกลงทุกวัน แม้ว่าจะมีปริมาณการขายจำนวนมาก แต่กำไรต่อหน่วยน้อยลง จนหลายๆ ค่ายถอดใจ ไม่ต้องการลงมาเล่นตลาดนี้อีกแล้ว

การสร้างกล้องระบบใหม่เพื่อทำตลาดใหม่ในราคาที่น่าพอใจ จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดในยุคนี้ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะปรับตัวเร็วกว่ากัน

ค่ายที่ไม่มีแรงกดดันจากภาพความเป็นกล้องมืออาชีพก็สามารถทำได้ง่ายและรวดเร็ว  อย่างเช่น โซนี่ หรือพานาโซนิค 

ตลาดกล้อง Mirrorless จะเติบโตไปถึงจุดไหน ยังไม่มีใครประเมินได้ชัดเจน แต่ทุกคนไม่อยากตกขบวนหรือถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง

ทุกคนยังจำกรณีของโกดัก ที่ก้าวไม่ทันการเปลี่ยนยุคจากฟิล์มมาเป็นดิจิตอล จนสุดท้ายโกดักก็เลือนหายไปในธุรกิจ เหลือเพียงเรื่องราวว่าครั้งหนึ่งเคยมีผู้ผลิตฟิล์มที่ยิ่งใหญ่ชื่อโกดัก

จากนี้ไปผู้ผลิตกล้องคงเริ่มทยอยเข้ามาแข่งขันในกล้องกลุ่ม Mirrorless มากขึ้น และจากนั้นกล้องกลุ่มนี้ก็อาจจะเดินซ้ำรอยกล้องคอมแพคก็ได้

ขายกล้องพร้อมน้ำตาผู้ผลิต

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”font-weight: bold;”>

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; width: 201px; text-align: center;”>Nikon
1

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; width: 246px; text-align: center;”>SONY
ALPHA
รุ่นใหม่ Official
Launch กันยายน 2554 กันยายน 2554 Positioning กล้องดิจิตอลระบบ
ACIL กล้องดิจิตอล DSLR
และ Mirorless

style=”vertical-align: top; font-weight: bold;”>

Product
Details

style=”vertical-align: top; width: 201px;”>

กล้องดิจิตอล 10 ล้านพิกเซล
เป็นกล้องระบบใหม่ที่นิคอนพัฒนาขึ้นมาออกวางจำหน่าย 2 รุ่น คือ J1 และ V1
มี 5 สีคือ ขาว ดำ น้ำตาล แดง ชมพู กล้องและเลนส์สีเดียวกันราคา 25,000 บาท

style=”font-weight: bold;”>กล้อง DSLR A77 ราคา 42,990 – 61,990
บาท – style=”font-weight: bold;”>กล้อง DSLR A65 ราคา 32,990 –
33,990บาท – style=”font-weight: bold;”>กล้อง Mirrorless NEX 7 ราคา 39,990
– 44,990 บาท – style=”font-weight: bold;”>กล้อง Mirrorless Nex 5N 20,990 –
27,990 บาท Target กลุ่มมืออาชีพ
และมือสมัครเล่น กลุ่มมืออาชีพ
และมือสมัครเล่น Strategy กล้องอัจฉริยะ
เปลี่ยนเลนส์ได้ กล้องDSLR 
เปลี่ยนเลนส์ได้ Competitor DSLR และ
Mirrorless DSLR และ
Mirrorless

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”font-weight: bold;”>ยอดขายกล้องดิจิตอล
Mirrorless

ปี 2010-2012

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>2010 

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>2011

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”> 2012
style=”font-weight: bold;”>ยอดขาย (ตัว) 12,000 20,000 25,000

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

มูลค่าตลาดกล้องดิจิตอลปี
2010 ยอดขายรวม 1.3 
ล้านตัว มูลค่าตลาด 9,000 
ล้านบาท ยอดขายกล้องคอมแพค 1.2 ล้านตัว ยอดขายกล้อง
DSLR 90,000 ตัว การเติบโต
(ปริมาณ) 15% การเติบโต
(มูลค่า)  5% ความต้องการกล้องดิจิตอล +6%