โซเชี่ยลมีเดียมีอิทธิพลต่อการซื้อของคนไทยมากกว่าไหนๆ ในโลก

ไม่มีใครปฏิเสธแล้วว่า “โซเชี่ยลมีเดีย” อย่างเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันอย่างยิ่ง ด้วยเหตุผลที่สื่อนี้กลายเป็นสื่อของกลุ่มคนส่วนใหญ่ (MainStream) ไปแล้ว และที่สำคัญยิ่งกว่าคือกลุ่มนี้คือกลุ่มที่มีกำลังซื้อ หากนักการตลาดรู้จักและเข้าถึงพวกเขา โอกาสก็เป็นของคุณอย่างแน่นอน

อิทธิพลของโซเชี่ยลมีเดียต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคนี้ มีข้อมูลที่น่าสนใจจากบริษัทวิจัยนีลเส็น ที่พบว่าโฆษณาในโซเชี่ยลมีเดียมีผลต่อการตัดสินซื้อของผู้บริโภคไทยมากและอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยระดับโลก และระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยิ่งไปกว่านั้น หากมีการ Like หรือ Follow ด้วยแล้ว ยิ่งมีผลต่อการซื้อของคนอื่นมากขึ้น

 

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

1 ใน
3ของคนไทย พร้อมรับอิทธิพลโฆษณาในโซเชี่ยลมีเดียและพร้อมซื้อ

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>กลุ่มผู้บริโภค

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>มีอิทธิพลสูงมาก 

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>มีอิทธิพลบางครั้ง

style=”vertical-align: top; font-weight: bold; text-align: center;”>ไม่เลย
ไทย  20% 56% 25% เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 19% 54% 27% ทั่วโลก 14% 46% 39%

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

เคยคลิก
Like หรือ Follow

แบรนด์ บริษัท หรือเซเลบริตี้กันไหม ?

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>ผู้บริโภค

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>เคย

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>ไม่เคย

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>ไม่รู้สิ
ไทย 69% 27% 4% เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 69% 26% 5% ทั่วโลก 52% 42% 6% style=”font-weight: bold;”>ที่มา : ผลสำรวจ Trust in
Advertising for Southeast Asian Consumers นีลเส็น สิงหาคม 2554

บริษัทวิจัยนีลเส็นบอกชัดเจนว่าสาเหตุผที่ทำให้ผู้บริโภคไทย 3 ใน 4 คน ยอมรับอิทธิพลของโฆษณาในโซเชี่ยลมีเดียเพราะทำให้ชีวิตของพวกเขา “ง่าย” ขึ้น และการคลิก Like และ Follow ยิ่งทำให้โฆษณาในโซเชี่ยลมีเดียมีอิทธิพลมากขึ้น เพราะเมื่อเพื่อนเห็นเพื่อนคลิก ก็อยากคลิก สนใจและซื้อสินค้านั้น  

การคลิก Like ถือเป็นการแนะนำ หรือบอกต่อทางอ้อมที่ได้ผล เพราะนีลเส็นพบว่าผู้บริโภคคนไทยเชื่อในการบอกถึง 85% และแม็คคินซีย์ และแอนด์คอมปะนี ยังมีข้อมูลเมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมาว่า การบอกต่อมีผลต่อการตัดสินใจซื้อถึง 20-25% 

ทั้งนี้ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ค่อนข้างเชื่อและให้ความรู้สึกบวกกับโฆษณา แต่ต้องเป็นโฆษณาที่ตรงกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย โดยขณะนี้โซเชี่ยลมีเดียเติบโตและกลายเป็นสื่อที่กลุ่มเมนสตรีมใช้ในภูมิภาคนี้แล้ว ดังนั้นแบรนด์ทั้งหลายต้องปรับตัวและเกาะไปกับกระแสนี้ให้ทัน โดยเฉพาะในตลาดภูมิภาคนี้ที่มีค่าเฉลี่ยในการใช้โซเชี่ยลมีเดียสูงกว่าทั้งโลก

คนจำนวนมากใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เพราะต้องการหาคำแนะนำ หรือให้คำแนะนำเสียเอง ต้องการหาส่วนลดหรือสิทธิพิเศษของสินค้าบริการ คนในประเทศต่างๆ ใช้อินเทอร์เน็ตมากขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคเองมีระดับความมั่นใจในตนเองสูงขึ้น และมีความต้องการซับซ้อนหลากหลายมากขึ้น จึงยิ่งหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์สำหรับเขามากขึ้น และโซเชี่ยลมีเดียช่องทางที่ทำหน้าที่นี้ได้อย่างดี

เฟซบุ๊กต้นทุน-ฟรี แต่ประสิทธิภาพ-สูง

เมื่อพูดถึงโซเชี่ยลมีเดีย ชัดเจนต้องนึกถึงเฟซบุ๊ก เครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ขณะนี้มีคน ไทยใช้อยู่เกือบ   12 ล้านคน ซึ่งศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้วิเคราะห์ว่าการใช้สื่อนี้เพื่อทำตลาดสินค้าและบริการยังมีต้นทุนที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับการใช้เว็บไซต์ให้ข้อมูล และเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางในการลองใช้สื่อโซเชี่ยลมีเดีย ดังนี้

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>ต้นทุน

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>เฟซบุ๊ก

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>เว็บไซต์ให้ข้อมูล

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>เว็บอีคอมเมิร์ซ
ค่าจัดทำเว็บไซต์/โฮสติ้ง/โดเมนเนม

ฟรี 20,000-100,000 50,000-500,000 ค่าเช่าพื้นที่
และค่าอัพเดต (ต่อปี) ฟรี 10,000-50,000 25,000-90,000 ค่าประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บค้นหา
(ต่อปี) ฟรี 30,000-50,000 30,000-50,000

4 เทรนด์จากบิ๊กบูมของโซเชี่ยลมีเดีย

นอกจากนี้ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจยังมองถึงแนวโน้มของสื่อสังคมออนไลน์ที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับธุรกิจในอนาคตดังนี้

1. การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ และคนใช้เฟซบุ๊กเพิ่มขึ้น

cellpadding=”2″ cellspacing=”2″>

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>300%

คืออัตราเติบโตของคนใช้เฟซบุ๊กในไทยในช่วง
12 เดือนที่ผ่านมา (ณ เดือนสิงหาคม 2554 มีคนไทยใช้เฟซบุ๊กประมาณ 11
ล้านคน)

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>47%

คือจำนวนคนไทยที่มีแนวโน้มซื้อสมาร์ทโฟนในปีนี้

style=”vertical-align: top; text-align: center; font-weight: bold;”>50%

ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตตั้งใจใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือในปีนี้

2. แชร์ข้อมูลและคลิปวิดีโอมากขึ้น เพราะไฮสปีดอินเทอร์เน็ตแพร่หลายมากขึ้น

3. Market Insight 

การวางกลยุทธ์ธุรกิจ สามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูล คำถาม การโต้ตอบ และรูปภาพจากการแชร์ในโซเชี่ยลมีเดีย ทำให้ธุรกิจใกล้ชิดผู้บริโภคมากขึ้น รู้กระแสว่าผู้บริโภครู้สึกอย่างไรต่อสินค้าทั้งบวกและลบ และวัดความสำเร็จได้ 

4. Mass production to customization 

การตอบสนองผู้บริโภคได้เฉพาะเจาะจงมากขึ้น หลังจากรู้ความต้องการผู้บริโภคจากพฤติกรรมจากการใช้โซเชี่ยลมีเดียของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งปัจจุบันมีหลายแบรนด์ใช้ประโยชน์ เช่น แบรนด์เสื้อผ้า รองเท้ากีฬา แว่นตาแบรนด์เนม ที่เพิ่มฟังก์ชันให้ผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้า โดยสามารถเลือกแบบ สี และรายละเอียดต่างๆ ได้ตามต้องการ

จากเทรนด์ความต้องการของผู้บริโภคและไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ นี้ จึงเห็นได้ว่าสื่อโซเชี่ยลมีเดียไม่ใช่เรื่องของสีสันการตลาดเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเข้าถึงใจผู้บริโภค รู้ความต้องการ และนำมาสู่ยอดขาย และการเติบโตของธุรกิจในที่สุด