15 ปี กับพรีเมียร์ลีกดีล

ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา “อรรถพล ณ บางช้าง” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายรายการ บริษัททรูวิชั่นส์ จำกัด และทีมงานทำหน้าที่กันอย่างหนักเพื่อเจรจาเรื่องลิขสิทธิ์รายการกีฬา ชนะบ้างและแกล้งแพ้บ้าง และแน่นอนว่าต้องเตรียมพร้อมให้มากที่สุดเพื่อให้ทรูวิชั่นส์ยังคงได้ลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่จะเริ่มประมูลรอบใหม่ที่จะเริ่มในฤดูกาล 2013/2014

“อรรถพล” ย้อนหลังให้ฟังเมื่อราว 20 ปีที่แล้วว่า เดิมพรีเมียร์ลีก อังกฤษจะถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีเป็นหลัก และเมื่อครั้งที่ทรูวิชั่นส์ยังเป็น “ไอบีซี” ที่มีช่อง 7 และแกรมมี่ถือหุ้นอยู่ด้วย  “สุรางค์ เปรมปรีดิ์” ผู้บริหารช่อง 7 แนะนำว่าไอบีซีน่าจะซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ด้วยเหตุลสั้นๆ คือ “มีฟุตบอลแล้วดี” ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พรีเมียร์ลีก อังกฤษเริ่มทำตลาดและเริ่มได้รับความนิยม ขณะที่คนไทยในช่วงเวลานั้นก็ดูฟุตบอลอิตาลี และเอฟเอคัพอยู่แล้ว

ปีแรกที่ไอบีซีประมูลคือช่วงปี 1997 ราคาที่ได้ถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับปัจจุบัน คือประมาณ 30 ล้านบาท ในระยะเวลาได้ลิขสิทธิ์ 3 ปี แต่ก็ถือว่าแพงที่สุดเมื่อเทียบกับฟุตบอลลีกอื่นๆ แต่หลังประมูลแล้ว ประเทศไทยประกาศนโยบายลอยตัวค่าเงินบาท จากต้นทุน 25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็น 45 บาททันที และหลังจากนั้นก็ชนะประมูลอีกครั้ง

ไอบีซีเว้นช่วงและลิขสิทธิ์นี้กลายเป็นของกลุ่ม ESPN ที่ได้ลิขสิทธิ์พื้นที่ในเอเชีย พรีเมียร์ลีก อังกฤษจึงถ่ายทอดผ่านช่อง ESPN ที่ทรูวิชั่นส์ซื้อรายการมาอีกทอดหนึ่ง ด้วยต้นทุนปีหนึ่งไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท จนเมื่อ ESPN ขายแพงขึ้น ผู้ให้บริการเคเบิลทีวีในประเทศภูมิภาคนี้จึงประมูลแข่งกับ ESPN รวมทั้งทรูวิชั่นส์

แล้วตั้งแต่ฤดูกาล 2007/2008 ทรูวิชั่นส์ก็ได้ลิขสิทธิ์นี้ต่อเนื่องมา 6 ปี ช่วงละ 3 ปี ร่ำลือกันว่าจาก 2,000 ล้านบาท 2,400 ล้านบาท ที่ “อรรถพล” ในฐานะผู้เจรจากับพรีเมียร์ลีกอังกฤษบอกว่าราคานี้ขึ้นทุกครั้งที่ประมูล และเวลาประมูลเราอาจมีโอกาสหรือไม่มีโอกาสเสนอราคาใหม่ก็ได้ หากพรีเมียร์ลีกอังกฤษได้ราคาสูงที่พอใจแล้ว ขณะเดียวกันหากเราเสนอสูงเกินก็อาจทำให้ขาดทุนได้

การประมูลพรีเมียร์ลีก อังกฤษหรือลีกอื่นๆ ทุกครั้ง ไม่เพียงแค่คนไทยแข่งขันกันเอง แต่ยังมีคู่แข่งรายใหญ่ที่ต้องการลิขสิทธิ์ทั่วภูมิภาค เพราะฉะนั้นการประมูลรอบต่อไปไม่เพียงแต่แข่งกับแกรมมี่หรือบริษัทไทยเท่านั้น อาจมีคนที่คาดไม่ถึง สิ่งที่ดีที่สุดคือทรูวิชั่นส์จึงต้องเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี