BYOD เทรนด์นี้แหละแรงจริง!

ไม่ต้องมานั่งเถียงกันแล้วว่า แพลตฟอร์มไหนจะเป็นที่นิยมและสมควรแก่การเลือกใช้ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบนโน้ต แท็บเล็ต หรือบนโทรศัพท์มือถือ เพราะในที่สุดการเลือกใช้งานอุปกรณ์พกพาสำหรับเข้าสู่โลกออนไลน์ของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับความพอใจ ความถนัด และจริตที่พึงมีเฉพาะตัว 

เป็นที่คาดการณ์ว่า หลังงานฉลองปีใหม่ที่หลายงานอาจจะมีโค้ด BYOD (Bring Your Own Drink) ให้คุณเลือกเครื่องดื่มที่ชอบติดตัวไปด้วย เมื่อต้องปรับสู่โหมดการทำงานในปีนี้ ก็ไม่ต้องงง ถ้าออฟฟิศหรือการนัดประชุม เวิร์คช็อป หรือสัมมนาที่ไหนจะส่งโค้ด BYOD มาพร้อมกำหนดการ และกรุณาเข้าใจให้ถูกต้องว่ามันหมายถึงให้นำอุปกรณ์ของคุณมาเอง

หนึ่งในร้อยเทรนด์ที่ต้องจับตาของเอเยนซี่รายใหญ่อย่าง JWT ซึ่งออกมาลิสต์รายการ Upcoming Trends ในแต่ละปี ให้เตรียมรับหรือนำมาใช้เพื่อให้วางแผนการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือทำธุรกิจให้ทันสถานการณ์ 

BYOD เป็นหนึ่งในเทรนด์ที่ถูกลิสต์ออกมาอยู่ในลำดับ Top 20 แต่ชี้ชัดได้ตรงจุด ถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหรือเริ่มมีรูปแบบให้เห็นบางแล้วในบางแห่ง เพียงแต่การใช้งานดีไวซ์ของตัวเองเป็นไปตามความสมัครใจโดยที่เจ้าภาพงาน หรือแม้แต่ออฟฟิศยังต้องมีอุปกรณ์สำหรับให้ใช้งานไว้ประจำออฟฟิศอยู่

BYOD เป็นเหมือนกับบทสรุปที่จะบอกเราว่า ทุกคนมีอิสระเต็มที่ในการเลือกอุปกรณ์ แพลตฟอร์ม และระบบปฏิบัติการที่ตนพอใจที่สุด แม้ว่าภายใต้การเลือกนั้นจะมีเทรนด์เป็นตัวที่มีกำหนดหรืออาจจะมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้ออยู่บ้างก็ตามที 

ประเด็นที่ JWT ชี้ขาดว่า BYOD จะเกิดขึ้น มาจากจุดเปลี่ยนของระบบการจัดเก็บข้อมูลทั้งหลายในโลกออนไลน์ที่มูฟเข้าไปสู่ระบบ Cloud กันแล้วทั้งนั้น ทุกคนสามารถเข้าถึงศูนย์กลางข้อมูลและคอนเทนต์ต่างๆ ผ่านระบบนี้ เป็นผลให้ธุรกิจเริ่มปรับตัวสู่วัฒนธรรม BYOD 

JWT ทำนายว่า จะมีองค์กรหลายแห่งเริ่มออกนโยบายให้พนักงานนำอุปกรณ์ทำงานของตัวเองมาทำงานที่ออฟฟิศ โดยที่บริษัทไม่ต้องจัดเตรียมอุปกรณ์พวกนี้ไว้ให้เหมือนในอดีต จินตนาการแล้วก็เหมือนกับภาคต่อของโมบายออฟฟิศ ซึ่งเริ่มจากมีพื้นที่ลดลง ไม่กำหนดพื้นที่ตายตัวเฉพาะบุคคล และจากเดิมที่เคยแจกอุปกรณ์ให้ใช้ก็ให้เอาของตัวเองมาใช้เสียเลย เพราะอย่างไรทุกคนก็มีอุปกรณ์เหล่านี้ใช้งานและมีความคุ้มเคยกับการใช้งานอุปกรณ์ของตัวเองอยู่แล้ว

นอกจากรูปแบบการใช้งานในสำนักงาน วัฒนธรรม BYOD เริ่มนำไปใช้แล้วในสายการบินบางแห่ง เช่น เวอร์จิ้นอเมริกา (Virgin America) อเมริกันแอร์ไลน์ (American Airlines) และ Condor ของเยอรมนี ฯลฯ ซึ่งสายการบินเหล่านี้จะให้บริการบันเทิงทั้งภาพและเสียงผ่าน Wi-Fi สำหรับผู้โดยสารที่ไม่ได้นั่งติดอยู่กับที่นั่งและชอบหลบไปหย่อนใจในมุมอื่น

เช่นเดียวกัน โรงแรมบางแห่ง ก็มีบริการให้แขกที่มาพักสามารถใช้บริการภาพยนตร์แบบเปย์เปอร์วิว (Pay-per-view) ผ่านอุปกรณ์ของของผู้เข้าพักได้เหมือนกับเลือกใช้บริการผ่านทีวีในห้องพักได้ด้วย อยากดูหนังสนุกๆ ก็ไม่จำเป็นต้องอุดอู้อยู่แต่ในห้องอีกต่อไป

เพราะฉะนั้นถ้ารักที่จะใช้ iPad แนวโน้มต่อจากนี้คุณก็ไม่จำเป็นต้องแยกเครื่องสำหรับงาน เพื่อการพักผ่อน หรือใช้งานประจำส่วนตัวออกจากกันอีกแล้ว เพราะ BYOD เป็นเทรนด์ที่ทำให้คุณสะดวกขึ้นในการไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์บ่อยๆ แต่ก็เป็นเทรนด์ที่รวมเอาทุกสิ่งในชีวิตคุณเข้าด้วยกันด้วย 

ชอบไม่ชอบ คงไม่มีผล เพราะอย่างไรเห็นที BYOD คงเป็นเทรนด์ที่มีให้เห็นในไทยมากขึ้นในปีนี้แน่ๆ