สถาบันการเงินในเอเชียแปซิฟิค พร้อมลงทุนด้านการ outsource, บริการผ่านเว็บ และการบริหารความเสี่ยง โดยเน้นความคล่องตัวด้วยการบริหารขอ้มูลแบบ real time ใน

กรุงเทพฯ – ยูนิซีส คอร์ปอเรชั่น ผู้นำการให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อธุรกิจเปิดเผยถึงการพัฒนาบริการเพื่อตอบสนองแนวโน้มของสถาบันการเงิน ทั้งในเอเชียแปซิฟิคและระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับการลดค่าใช้จ่ายและปรับปรุงการดำเนินงาน รวมถึงการ outsource งานปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า

“ธุรกิจการเงินในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคยังคงเติบโตต่อไป ส่งผลให้ความคล่องตัวทางธุรกิจกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วน ทั้งความคล่องตัวในการบริหารความเปลี่ยนแปลงและความสามารถในการตัดสินใจที่ฉับไวต่อการประเมินโอกาสทางธุรกิจ วิเคราะห์ผลกระทบ ลดค่าใช้จ่าย เปิดตัวบริการใหม่ได้ทันการณ์ บริหารความเสี่ยง และปรับปรุงภาพรวมของการบริการลูกค้า” มร.สก๊อต วายแมน รองประธานและ ผู้จัดการทั่วไป เอเชียใต้ของยูนิซีส กล่าว “การแสดงผลการบริหารธุรกิจในลักษณะสามมิติ อันประกอบกด้วย การรายงานความเป็นไป (visiblility) เป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในการบริหารองค์กร ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างรวดเร็ว”

ธนาคารและบริษัทประกันภัย ยังคงมาตรการลดต้นทุน ทิศทางการปฏิบัติงานในปี 2547 จึงให้ความสำคัญเพิ่มขึ้นในการ outsource งานส่วนที่ไม่ใช่งานกลยุทธ์ อาทิ ธุรกรรมที่เกี่ยวกับเช็ค ช่องทางการให้บริการแก่ลูกค้า ออกไปให้หน่วยงานหรือบริษัทอื่นรับผิดชอบ เพื่อพัฒนาคุณภาพของงานบริการและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยง

“ในขณะที่การควบคุมต้นทุนยังคงเป็นปัจจัยที่สำคัญ ธนาคารและบริษัทประกันภัยที่มองการณ์ไกล ได้เล็งเห็นความสำคัญของการนำแอพพลิเคชั่นต่างๆ มาใช้ผสมผสานกัน ด้วยการพัฒนาบริการผ่านทางเว็บ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตัดสินใจทางธุรกิจรวดเร็วและคล่องตัวขึ้น” มร.ไนเจล ฮินเชลวูด รองประธานและผู้จัดการทั่วไป Global Financial Services ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคของยูนิซีส กล่าว “และเพื่อความอยู่รอด สถาบันการเงินจะยังคงดำเนินมาตรการลดค่าใช้จ่าย แต่แทนที่จะเก็บกำไรในส่วนนี้ไว้ บริษัทที่ประสบความสำเร็จจะนำมาลงทุนเพิ่มในส่วนของโซลูชั่นด้านไอทีอีก เพื่อเพิ่มความสามารถในการตอบสนองการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในองค์กรของตนเอง, อุตสาหกรรม และตลาด ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น”

มร.ฮินเชลวูดวิเคราะห์แนวโน้มเทคโนโลยีสำหรับสถาบันการเงินในเอเชียแปซิฟิคประจำปี 2547 ไว้ดังนี้

– ใช้เทคโนโลยีเป็นกลยุทธ์ในการผสานเป้าหมายทางธุรกิจเข้ากับไอที
แม้นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์การเติบโตของงบประมาณการใช้จ่ายด้าน เทคโนโลยีในปี 2547 ของสถาบันการเงินต่างๆ ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 4-5% แต่การใช้งบประมาณส่วนใหญ่จะเป็นผลจากการปรับโครงสร้างการทำงาน โดยการกำหนดกลยุทธ์ด้านไอทีและธุรกิจเข้าด้วยกัน เพื่อหวังผลเรื่องการลดต้นทุน การปรับโครงสร้างการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

– เพิ่มการ outsource งานด้านปฏิบัติการเพื่อปฏิรูประบบการทำงาน
ในปี 2547 ธนาคารและบริษัทประกันภัยจะยังคง outsource งานส่วนที่ไม่ใช่งานกลยุทธ์และงานบางส่วนออกไปให้หน่วยงานนอกองค์กรนำไปบริหารแทน ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นการปฏิรูปการดำเนินงานให้เหมาะสม พร้อมตอบรับสภาวะการแข่งขันในปัจจุบัน ตัวอย่างเช่น ธนาคารอาจเลือกผู้บริหารงานจากภายนอกให้เข้ามา การพัฒนาและบริหารจัดการระบบธุรกรรมที่เกี่ยวกับเช็ค โดยใช้ดิจิตอลโซลูชั่นเพื่อให้ทันต่อแนวโน้มการเติบโตของเทคโนโลยี check-image processing

– การร่วมมือกันระหว่างสถาบันเพื่อให้ขยายกิจการได้รวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่าย
ในปี 2547 ธุรกิจบริการด้านการเงินเริ่มตระหนักถึงความสำคัญ และยอมรับการบริหารธุรกรรมโดยหน่วยงานภายนอกมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกันของสถาบันการเงินในการปฏิบัติงานในส่วนที่ไม่ใช่กลยุทธ์ เช่น ระบบธุรกรรมที่เกี่ยวกับเช็ค หรือการจัดการเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อลดการลงทุนในเทคโนโลยีด้านกระบวนการธุรกรรมที่เกี่ยวกับเช็ค ซึ่งปัจจุบันปริมาณการใช้เช็คมีแนวโน้มลดลง ราคาต้นทุนต่อหน่วยจึงสูงขึ้น ส่งผลให้ปีนี้ ธนาคารในหลายแห่ง ต่างมองหาผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี มาร่วมวางระบบและวางแผนสำหรับการให้บริการดานธุรกรรมที่เกี่ยวกับเช็ค นับว่าเป็นการขยายการให้บริการผ่านระบบที่ได้รับการยอมรับในภูมิภาคอื่นๆ โดยมียูนิซีสเป็นผู้นำตลาด

บริษัทประกันภัยจะเริ่มปรับโครงสร้างการปฏิบัติงานด้วยกลยุทธ์การบริหารเงินทุนเพื่อเพิ่มตัวเลขในบัญชีงบดุล การยึดข้อตกลงในการแสดงงบดุลให้บริษัทรับประกันต่อและสถาบันค้ำประกัน ทำให้สถาบันดังกล่าวต้องมองหาเครื่องมือในการบริหารการปฏิบัติงานในส่วนนี้

– การทำธุรกรรมการโอนเงินผ่านธนาคารร่วมกัน
ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารหลายแห่งได้รวมกลุ่มกันเพื่อหาทางลดค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงานธุรกรรมการเงิน โดยเฉพาะส่วนที่สามารถใช้ร่วมกันได้ เช่น การจ่ายเช็ค บัตรเครดิต-เดบิต เอทีเอ็ม เป็นต้น แนวโน้มนี้จะเพิ่มสูงขึ้นในปี 2547 โดยประเทศในเอเชียแปซิฟิคเร่งปรับเปลี่ยนโครงสร้างการดำเนินงานภายในธุรกิจการชำระเงิน ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้นจากเดิมแยกธุรกรรมที่เกี่ยวกับเช็คออกเป็นเอกเทศ

– เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการบนเว็บเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ธนาคารและบริษัทประกันภัยได้กลับมาสนใจลงทุนธุรกิจในด้านการให้บริการผ่านทางเว็บอย่างจริงจัง โดยเน้นประสิทธิภาพและการให้บริการร่วมกับสื่ออื่นๆ เช่น ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ การให้บริการผ่านเว็บในปีนี้จึงเป็นช่องทางการใช้ข้อมูลร่วมกันแบบ real time เพื่อให้การตัดสินใจและบริการเป็นไปอย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น ความจำเป็นในการให้บริการแบบออนไลน์ในเอเชียแปซิฟิคกลายเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความภักดีของลูกค้าไว้ เห็นได้จากการเพิ่มจำนวนของเครื่องบริการการเงินอัตโนมัติที่ให้ลูกค้าใช้บริการครบวงจรได้ด้วยตนเอง ซึ่งพบได้ทั่วไปในสิงค์โปร์ ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย

– การบริหารความเสี่ยงที่ดีและการเพิ่มมาตรฐานความโปร่งใส่ในการทำธุรกรรม จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและแจ้งผลแบบ real-time
เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา สถาบันการเงินต่างรับรู้ถึงความจำเป็นในการดำเนินงานอย่างฉับไวและแม่นยำ แม้กฏข้อบังคับบางประการที่ซับซ้อน เป็นอุปสรรคในการพัฒนาบริการแบบ real time แต่ข้อกำหนดแนวทางปฏิบัติและการบริหารความเสี่ยง และการให้ความสำคัญกับการรักษาความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทำให้แนวทางการบริหารธุรกิจต้องคล่องตัวและโปร่งใส ดังนั้นในปีนี้จึงจะเห็นการนำวิธีการทำงานแบบ real time มาใช้มากขึ้น

ธนาคารและบริษัทประกันภัยที่ฉลาดย่อมรู้ว่า การประเมินความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นมากกว่ามาตรวัด แต่เป็นการตอบสนองความต้องการได้อย่างฉับพลัน สามารถวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมการเงินซึ่งมาจากหลายช่องทางและยังสามารถหาสาเหตุและป้องกันการทุจริตที่อาจจะเกิดขึ้นในรูปแบบต่างๆ ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งสามารถตรวจสอบสถานะของลูกค้าได้ดีขึ้นด้วย

– การควบรวมกิจการของสถาบันการเงินในอนาคต จะมีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศที่สามารถผสมผสานความหลากหลายของธุรกิจการเงินเข้าด้วยกัน เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่แม่นยำ ฉับไวขึ้น
กระแสการควบรวมบริการด้านการเงินเมื่อปีที่ผ่านมาจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ในปีนี้การควบรวมได้พัฒนากลยุทธ์ให้สมบูรณ์ขึ้น โดยธนาคารและบริษัทประกันภัยได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดในการควบรวมกิจการในทศวรรษก่อนที่ตะเข็บของสองบริษัทไม่สมานกัน และส่งผลให้เกิดการทำงานซ้ำซ้อน เทคโนโลยีการให้บริการผ่านทางเว็บ ซึ่งเป็นระบบที่สามารถติดตามและแสดงผลการเปลี่ยนแปลงได้ จะช่วยได้ธุรกิจและโครงสร้างพื้นฐานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้การรวมกิจการเป็นไปอย่างลงตัวยิ่งขึ้น

สถาบันการเงินที่มีระบบการแสดงผลการบริหารธุรกิจที่สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างวิสัยทัศน์ การปฏิบัติงาน และระบบสารสนเทศในลักษณะสามมิติ จะเห็นภาพของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงปัจจัยต่างๆ ที่ยากจะคะเนผ่านโครงสร้างองค์กรและการปฏิบัติงานที่ซับซ้อนได้ ระบบการแสดงผลลักษณะนี้จะช่วยเอื้อให้การตัดสินใจในระหว่างการควบรวมกิจการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

“แนวโน้มการควบรมกิจการเป็นเพียงเหตุหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความจำเป้นในการสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้นของธนาคารและบริษัทประกันภัย” มร.ฮินเชลวูด กล่าวเสริม “ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีประกอบกับกระแสความต้องการความโปร่งใส ความคล่องตัวทางธุรกิจจึงเป็นสิ่งจำเป็นและเร่งด่วน การที่จะประสบความสำเร็จได้ในปีนี้และปีต่อๆ ไป สถาบันการเงินทั้งหลายต้องปรับตัวเพื่อให้การบริหารงานยืดหยุ่น และว่องไวในการประเมินโอกาสทางธุรกิจ วิเคราะห์ผลกระทบ ลดค่าใช้จ่าย เปิดตัวบริการใหม่ได้ทันการณ์ บริหารความเสี่ยงและปรับปรุงภาพรวมของการบริการลูกค้า”

เกี่ยวกับ ยูนิซีส เอเชีย แปซิฟิค

ยูนิซีส เอเชีย แปซิฟิค ให้บริการและคำปรึกษาแก่ลูกค้าในออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงค์โปร์ ไต้หวัน ประเทศไทย และเวียดนาม ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.unisys.com.au

เกี่ยวกับ ยูนิซีส

ยูนิซีส (Unisys) เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศครอบคลุมมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการวางระบบ, บริหารงานจากภายนอก, พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน, เทคโนโลยีแม่ข่าย และบริการให้คำปรึกษาที่ถูกต้อง แม่นยำ โดยมุ่งสร้างความเหนือกว่าทางธุรกิจให้กับกิจการของลูกค้าเป็นสำคัญ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.unisys.com