รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 24 มีนาคม 2547

ประเด็นตลาดวันนี้

ดัชนีตลาดหุ้น SET วันพุธปิดลบ 1.61 จุด หรือ 0.24% สู่ระดับ 677.61 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวัน
ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 10,787.30 ล้านบาท ลดลง 807.65 ล้านบาท เทียบกับวันอังคารที่ผ่านมา

– เงินบาท และเงินเยน แข็งค่าขึ้นในวันนี้ มาอยู่ที่ระดับ 39.440 บาท/ดอลลาร์ และ 106.24 เยน/ดอลลาร์ ตามลำดับ ในขณะที่เงินยูโร อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 1.2281 ดอลลาร์/ยูโร

– ดัชนีตลาดหุ้น Nikkei วันพุธปรับขึ้น 83.90 จุด หรือ 0.74% สู่ระดับ 11,364.99 จุด หลังจากที่ลดลงต่อเนื่องกันมา 3 วันทำการ แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะอ่อนแรงลงต่อเนื่อง 4 วันทำการ ก็ตาม

– ดัชนีตลาดหุ้น Hang Sang วันพุธปิดบวก 89.77 จุด หรือ 0.71% ที่ระดับ 12,678.13 จุด

ผลการประมูลพันธบัตรรัฐบาล

LB096A ประเภทอายุ 5 ปี วงเงิน 2,000 ล้านบาท ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.39% Bid Coverage Ratio 1.79
LB12NA ประเภทอายุ 8 ปี วงเงิน 2,000 ล้านบาท ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.62% Bid Coverage Ratio 4.27

– สภาพัฒน์ฯ จัดทำรายงานภาวะสังคมเป็นครั้งแรก โดยระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2543-2545 ทำให้รายได้ของคนไทยเพิ่มขึ้น และคนยากจนที่มีสูงถึง 15.9% ของประชากรในปี 2540 ลดลงเหลือเพียง 9.8% หรือ 6.2 ล้านคนในปี 2545 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดีกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในแผนพัฒน์ฯ ฉบับที่ 9 ที่ตั้งเป้าว่าจะลดสัดส่วนคนยากจนเหลือ 12% ของประชากรในปี 2549 อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวได้สะท้อนว่า การเติบโตของเศรษฐกิจ ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมาด้วย

– สภาพัฒน์ฯ ระบุว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีผลด้านจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน แต่จะกระทบอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาส 2/2547 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจาก การส่งออก และการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะหลังรัฐบาลปรับเพิ่มเงินเดือนข้าราชการ จะเป็นส่วนช่วยชดเชยความเชื่อมั่นที่เสียไป

– กระทรวงการคลังเตรียมเสนอหลักเกณฑ์การกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า โดยจะเน้นให้เกิดความเป็นธรรม และกระจายหุ้นไปสู่นักลงทุนรายย่อยให้มากที่สุด รวมทั้งจะไม่มีการกันหุ้นไว้ในส่วนของผู้มีอุปการะคุณและโควต้าของโบรกเกอร์

– ผลสำรวจโดยนิตยสาร ABC News/Money Magazine ระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน ในช่วงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี รายงานดังกล่าวระบุว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอาจลดต่ำลงในระยะอันใกล้ จากราคาน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวขึ้น และจากการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ภาวะตลาดหุ้น

Japan Nikkei-225
ดัชนีตลาดหุ้น Nikkei วันพุธขยับขึ้นหลังจากที่ปรับตัวลดลง 3 วันติดต่อกัน โดยปิดบวก 83.90 จุด หรือ 0.74% สู่ระดับ 11,364.99 จุด จากความมั่นใจต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับ การที่ S&P ได้ทำการปรับเพิ่มแนวโน้มความน่าเชื่อถือของญี่ปุ่น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่พึ่งพาอุปสงค์ในประเทศ เช่น กลุ่มธนาคารและอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางและหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงต่อเนื่องมา 4 วันทำการ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในตลาดหุ้นอยู่ โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มส่งออก

Hong Kong’s Hang Sang
ตลาดหุ้นฮั่งเส็งวันพุธปิดบวก 89.77 จุด หรือ 0.71% ที่ระดับ 12,678.13 จุด โดยที่ตลาดได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนได้เข้าเลือกซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และบริษัทน้ำมัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นคงทางการเมืองของไต้หวันน้อยที่สุด แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะอ่อนแรงลงในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมา ในขณะที่ความรุนแรงในตะวันออกกลางที่ยังไม่ผ่อนคลายลง จะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาด ก็ตาม

Thailand’s SET
ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันพุธอ่อนตัวลง 1.61 จุด หรือ 0.24% สู่ระดับ 677.61 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของวัน ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ยังคงเบาบางอยู่ ทั้งนี้ ความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์การก่อการร้ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนปลีกตัวออกจากตลาด ขณะที่ ตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นการลงทุน

จากการวิเคราะห์ทางด้านเทคนิค ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ดัชนีหุ้นไทยวันพฤหัสบดีคงจะแกว่งตัวในช่วงแคบๆ โดยมีแนวรับที่ระดับ 675 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ระดับ 685 จุด จากปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับการก่อการร้ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่คงจะยังกดดันบรรยากาศการลงทุนในตลาด นอกจากนี้ การขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามากระตุ้นการซื้อขาย ก็คงส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายน่าจะยังคงเบาบางอยู่

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาทแข็งค่าขึ้น ตามทิศทางค่าเงินเยน ในขณะที่ตลาดยังคงไม่มั่นใจต่อปัญหาความมั่นคง จากความไม่แน่นอนทางการเมืองในไต้หวัน ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง และการก่อการร้าย ซึ่งได้ส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้นของไทยและในภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง ในช่วงที่ผ่านมา

Yen/USD
เงินเยนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากความกังวลต่อปัญหาการก่อการร้ายในสหรัฐฯ ซึ่งกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 4 วานนี้ โดยในวันนี้ ได้เกิดเหตุระเบิดติดต่อกันในกรุงแบกแดด เมืองหลวงของประเทศอิรัก โดยสาเหตุของระเบิดดังกล่าว ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ โดยสถาบัน S&P จากเดิมที่ระดับเชิงลบ (Negative) มาอยู่ที่มีเสถียรภาพ (Stable) ซึ่งเป็นปัจจัยส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าขึ้น

USD/Euro
เงินยูโรอ่อนค่าลง จากที่นักลงทุนยุโรปหันไปให้ความสนใจในการซื้อเงินเยน หลังการปรับอันดับญี่ปุ่นของ S&P และจากที่ประธานธนาคารกลางยุโรป นายทริเชต์ กล่าวก่อนการประชุมนโยบายทางการเงินในสัปดาห์หน้า ว่าจะมีการประเมินสถานการณ์ใหม่เกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยุโรป หากการใช้จ่ายผู้บริโภคไม่สามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยที่ผ่านมา ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอ่อนแอกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความเป็นไปได้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินยุโรปในครั้งต่อไป

จากการวิเคราะห์ทางด้านเทคนิค ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณว่า ค่าเงินบาทในวันพฤหัสบดีนี้ คงจะเคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 39.35-39.45 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินบาทน่าที่จะแข็งค่าขึ้น ตามทิศทางค่าเงินเยน ก่อนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่คาดว่าจะออกมาดีในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางรายมองว่า ทางการญี่ปุ่นอาจมีการเข้ามาแทรกแซงค่าเงินเยน ในไม่ช้านี้

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ทรงตัวถึงปรับลดลงในช่วง –1 ถึง –3 bps. ยกเว้นพันธบัตรระยะปานกลางบางประเภทที่มีอัตราผลตอบแทนขยับขึ้นในช่วง 2 ถึง 4 bps. โดยสเปรดระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 2 และ 10 ปี อยู่ที่ 2.52% ลดลงเล็กน้อยจาก 2.53% เมื่อวันก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ไทย ลดลง 43.40% จากวันก่อน ด้านอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลวันนี้ ปรับลดลงค่อนข้างมาก ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดพันธบัตรได้รับแรงหนุนจากความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดทั้งในและนอกประเทศ ทำให้นักลงทุนหันมาถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนก็ยังคงมีความระมัดระวังการลงทุนในพันธบัตร หลังราคาพันธบัตรได้ปรับสูงขึ้นแล้วอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา