ศรีนครินทร์ พาร์ค ท้าทายตลาดพรีเมี่ยม ขอเป็นผู้นำบ้านโมเดิร์นสไตล์ ชูแนวคิดประหยัดพลังงานด้วยหลังคาปีกนก พร้อมโฮม ออโตเมชั่นสมบูรณ์แบบ

ศรีนครินทร์ พาร์ค เปิดตัวบ้านโมเดิร์นสไตล์ ราคา 18-30 ล้านบาท ฝีมือสถาปนิกไทยคนแรกจากมหาวิทยาลัยบาวเฮาส์ (Bauhaus University) ประเทศเยอรมนี ชูจุดเด่นหลังคาปีกนก (Wing Roof) นวัตกรรมเพื่อการประหยัดพลังงาน พร้อมโฮม ออโตเมชั่น สมบูรณ์แบบ มั่นใจสอดคล้องไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้าคุณภาพที่ต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดี เน้นพื้นที่ประโยชน์ใช้สอย

นายจักษ์ทอง นาวาศุภพานิช ประธานบริหารบริษัท เอ็น เกท ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เจ้าของโครงการศรีนครินทร์ พาร์ค มีมูลค่าโครงการรวมกว่า 400 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ ใกล้วัดศรีเอี่ยม เนื้อที่ 11 ไร่ จัดสรรจำนวน 28 ยูนิค แบ่งเป็นยูนิตละ 80-170 ตรว. ขึ้นอยู่กับแบบบ้าน โดยเฉลี่ยแปลงละ 110 ตรว. ราคาขายอยู่ระหว่าง 18-30 ล้านบาท คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จราวสิ้นปี 2548

“ผมมั่นใจว่าศรีนครินทร์ พาร์คเป็นโครงการจัดสรรบ้านโครงการแรกที่กล้าออกแบบบ้านให้มาความเป็นโมเดิร์นสไตล์อย่างแท้จริง ทั้งด้วยรูปลักษณ์และคุณสมบัติด้านประโยชน์ใช้สอย การประหยัดพลังงาน และคุณภาพการก่อสร้างที่ได้มาตรฐาน ตลอดจนสิ่งแวดล้อมภายในโครงการ เพื่อตอบสนองรูปแบบการดำเนินชีวิตของลูกบ้านทุกคน”

สำหรับจุดเด่นอีกประการหนึ่งของโครงการฯ คือ โฮม ออโตเมชั่น นายจักษ์ทองกล่าวว่า เลือกใช้อุปกรณ์และระบบการติดตั้งของบริษัท CLIPSAL จากประเทศออสเตรเลีย เพื่อควบคุมระบบความปลอดภัย เช่น ระบบควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้า และแสงสว่างภายในบ้านโดยอัตโนมัติ ให้สามารถสั่งการได้จากรีโมทคอนโทรล โทรศัพท์มือถือ และอินเทอร์เน็ต หรือจะเป็นระบบตรวจจับความเคลื่อนไหวภายในบ้าน (Motion Sensor) และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ระบบรดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ ตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ เป็นต้น นอกจากนั้น ทุกยูนิตจะได้รับระบบตรวจสอบลายนิ้วมือสำหรับการเข้า-ออกประตูบ้าน (Fingerprint Identification Doorlock) ชุดเครื่องครัว SIEMATIC เครื่องสุขภัณฑ์ KOHLER และเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ 4 ทิศทางในทุกห้องนอน

ด้านนายรัชพันธ์ งามเจริญ รองประธานบริหาร บริษัทเอ็น เกท ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวถึงแนวทางการทำตลาดว่า “เราตั้งงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ไว้ 8-10 ล้านบาท เป็นโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ นอกนั้นจะใช้ไปในการทำไดเร็คเมล์ เจาะไปยังกลุ่มเป้าหมายที่บริโภคสินค้าราคาแพงและมีไลฟ์สไตล์ที่สอดคล้อง คือเป็นกลุ่มที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ต่อต้านเทคโนโลยี ต้องการความทันสมัยในการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้าน โดยขณะนี้สามารถขายได้แล้ว 8 หลัง คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายใน 6 เดือน ราคาขายอยู่ระหว่าง 18-30 ล้านบาท

นายอรรถสินธิ์ ศรีมาเสริม สถาปนิกโครงการฯ ซึ่งเป็นคนไทยคนแรกที่ได้เข้าศึกษาด้านสถาปัตยกรรมที่มหาวิทยาลัยบาวเฮาส์ (Bauhaus University) ประเทศเยอรมนี กล่าวถึงแนวคิดในการออกแบบบ้านว่า “สำหรับโครงการนี้แน่นอนว่าเป็นแนว Modern Style ภายใต้แนวคิดที่มีความเป็น Innovative Idea และมีเหตุผล ออกแบบให้เหมาะสมกับพื้นที่ เน้นความเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ โดยออกแบบบ้านทุกหลังให้มีความหมายตามชื่อที่ใช้เรียก 4 แบบ คือ House of Remind, House of Function, House of Transparency, House of Sense ซึ่งทุกแบบเน้นพื้นที่ใช้สอยมาก ตั้งแต่ 450-700 ตรม. พร้อมเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน Wing Roof หรือหลังคาปีกนก ที่ได้รับการพัฒนาถือเป็น prototype โดยผมและทีมงานจาก Bauhaus เป็นนวัตกรรมล่าสุดในการประหยัดพลังงานจากเยอรมนี”

ด้วยแนวคิดการออกแบบหลังคาอาคารให้ปกป้องความร้อนจากแสงแดด โดยอาศัยหลักการตามธรรมชาติ ผนวกเข้ากับงานสถาปัตยกรรมที่เรียบง่าย แต่ทรงประสิทธิภาพ ในระหว่างวัน ความร้อนสะสมใต้หลังคาจะถูกถ่ายเทด้วยอากาศที่แปรสภาพเป็นกระแสลมเปรียบเสมือนบ้านที่ได้รับการระบายความร้อนอยู่ตลอดเวลา จึงช่วยให้อุณหภูมิความเย็นภายในบ้านคงที่ ทั้งยังเป็นการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาอีกต่อไป

นอกเหนือจากการทำหน้าที่ปกป้องความร้อนอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว รูปลักษณ์ความสวยงามของหลังคายังเป็นสิ่งที่สถาปนิกให้ความสำคัญ ด้วยเหตุนี้ Wing Roof จึงได้รับการออกแบบให้มีลักษณะบางและแบนเรียบ ตามหลักอากาศพลศาสตร์ หรืออีกนัยหนึ่งเพื่อให้เกิดความลู่ลม และมีน้ำหนักเบา แต่ยังคงไว้ซึ่งความแข็งแกร่ง ทนทาน เฉกเช่นโครงสร้างพื้นฐานของปีกนอก หรือปีกเครื่องบินนั่นเอง ซึ่งต้องอาศัยหลักวิศวกรรมการออกแบบโครงสร้าง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการคิดค้นและประดิษฐ์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าหลังคา Wing Roof ขนาดใหญ่นี้สามารถวางอยู่บนเสารับน้ำหนักที่มีระยะห่างของเสาแต่ละต้นถึง 7.5 เมตร

ขณะที่ตัวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นกระจก ทางโครงการฯ ได้เลือกใช้กระจกกรองแสงสีเขียวป้องกันความร้อนและรังสี UV สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองและสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย

สำหรับโครงการต่อไปของบริษัทเอ็น เกทฯ คาดว่าจะยังคงเจาะตลาดพรีเมี่ยมต่อไป โดยยึดทำเลย่านถนนศรีนครินทร์ โดยเน้นจัดสรรโครงการขนาดเล็ก จำนวนยูนิตไม่มาก มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตทันสมัยเป็นหลัก เพื่อสร้างแบรนด์ เอ็น เกท ดิเวลลอปเม้นท์ ให้เป็นที่รู้จักในการเป็นผู้นำบ้านจัดสรรสไตล์โมเดิร์นอย่างแท้จริง