ดอลลาร์แผ่ว : Fed ทรงอัตราดอกเบี้ย

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าโน้มต่ำลง หลังการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย อีกทั้งยังคลายความกระตือรือร้นที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เมื่อเทียบกับผลการประชุมครั้งที่ผ่านมา แต่ค่าเงินดอลลาร์กระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในช่วงท้ายสัปดาห์ เป็นผลจากรายงานยอดคนว่างงานที่ขอเงินชดเชยลดลงต่ำกว่าที่ตลาดเงินเก็งไว้ ส่วนเงินปอนด์อังกฤษมีค่าเข้มแข็ง เนื่องจากธนาคารกลางอังกฤษตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ สำหรับราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ ยังคงซบเซา ซื้อขายอยู่ในช่วงเฉลี่ยราว 388-393 ดอลลาร์/ออนซ์ เพราะนักค้าทองกังวลเกี่ยวกับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและข่าวการนำทองคำสำรองของธนาคารกลางในประเทศยุโรปออกขายอีกครั้ง

เงินดอลลาร์อเมริกัน มีค่าอ่อนไหว เมื่อเทียบกับเงินสำคัญสกุลต่างๆ โดยลดลงจากอัตราเฉลี่ยราว 1.19 ดอลลาร์/ยูโร และ 110 เยน มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ยราว 1.21 ดอลลาร์/ยูโร และ 108 เยน มีสาเหตุสำคัญมาจากการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารสหรัฐฯมีมติให้รักษาระดับอัตราดอกเบี้ยคงเดิมไว้ที่ 1% ต่อไป สร้างความผิดหวังให้แก่ตลาดเงิน อีกทั้งธนาคารกลางยังเปลี่ยนท่าทีผ่อนคลายลง ไม่มุ่งเน้นที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเหมือนที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีการเก็งกันว่าสหรัฐฯอาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ศกนี้ ก็ตาม ปัจจัยอีกประการหนึ่งที่คอยเหนี่ยวรั้งค่าเงินดอลลาร์ ก็คือ การเทขายเพื่อเอากำไร ทั้งนี้ เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯสดใส อาทิ ดัชนีกิจกรรมภาคบริการสหรัฐฯเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น ได้ผลักดันให้ค่าเงินดอลลาร์เข้มแข็ง แต่ในที่สุดก็ต้องลดต่ำลง หลังจากที่มีแรงเทขายในเวลาถัดมา

อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายสัปดาห์ เงินดอลลาร์ผงาดขึ้นเป็นผลสำเร็จ เพราะตัวเลขเกี่ยวกับการจ้างงานในสหรัฐฯเบื้องต้น ได้แก่ ยอดคนว่างงานที่ขอเงินชดเชยลดลงมากกว่าที่ตลาดเก็งไว้ ทำให้คาดว่ารายงานเกี่ยวกับการจ้างงานที่จะประกาศในวันที่ 7 พฤษภาคม น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และส่งผลให้แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯปรับเพิ่มเร็วขึ้นกว่าที่คาดหมายกันไว้

เงินปอนด์อังกฤษ มีค่าแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์และเงินยูโร เป็นผลจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 6 เดือน อยู่ที่ระดับ 4.25% ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือสกุลเงินปอนด์มากขึ้น นอกจากนี้ อังกฤษยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก เพราะการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ผ่านมายังไม่มีผลบรรเทาความร้อนแรงของเศรษฐกิจเท่าที่ควร

ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ มีทิศทางที่ลดต่ำลง เป็นผลจากนักลงทุนหวั่นวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้ชะลอการซื้อทองคำเป็นหลักทรัพย์เพื่อการลงทุน และหันไปถือสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงแทน แม้ว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้น จะมีส่วนช่วยให้ความต้องการถือทองคำมากขึ้น แต่เมื่อมีกระแสเกี่ยวกับการเพิ่มอัตราดอกเบี้ย เพื่อป้องกันเงินเฟ้อ กลับกดดันราคาทองคำต่ำลงในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น ราคาทองคำยังซบเซาจากข่าวที่ว่าเศรษฐกิจจีนอาจชะลอตัว และส่งผลให้การซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ของจีนพลอยลดลงตามไปด้วย ไม่เป็นผลดีแก่ราคาทองคำในตลาดโลก

อัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับเงินตราสำคัญสกุลต่างๆ ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2547 เทียบกับวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 (ตัวเลขในวงเล็บ) มีดังนี้

เงินดอลลาร์สหรัฐฯ มีค่าเท่ากับ 1.1937 ดอลลาร์/ยูโร (1.2081 ดอลลาร์/ยูโร) 110.26 เยน (109.79 เยน) และ 1.7712 ดอลลาร์/ปอนด์ (1.7962 ดอลลาร์/ปอนด์)

ราคาทองคำในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2547 เท่ากับ 393 ดอลลาร์/ออนซ์ เทียบกับราคา 388.35 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2547