รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 18 มิถุนายน 2547

ประเด็นตลาดวันนี้

ดัชนีตลาดหุ้น SET ในวันศุกร์ที่ 18 มิ.ย. ปิดตลาดลดลงมาที่ 622.71 จุด โดยลดลงจากวันก่อน 1.01จุด หรือ ร้อยละ 0.16 โดยได้รับอิทธิพลจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่ปรับลงจากความวิตกกังวลในเรื่องของราคาน้ำมันที่สูงขึ้น

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯยังคงแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเงินบาทในวันนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 40.93 บาท/ดอลลาร์ฯ และแทบไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อเทียบกับเงินยูโร และเงินเยน ที่ 1.2 ดอลลาร์ฯ/ยูโร และ ที่ 109.5 เยน/ดอลลาร์ฯ ตามลำดับ

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดในวันศุกร์ลดลงไปอย่างหนักจากเมื่อวาน โดยลดลงไปถึง 225.82 จุด หรือ ร้อยละ 1.95 ไปปิดที่ระดับ 11,382.08 จุด ทั้งนี้ได้รับอิทธิพลจากการร่วงลงของราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งปรับตัวลงตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มสินเชื่อในจีน

– ตลาดหุ้นDow Jones ในวันพฤหัสบดี ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากวันก่อน โดยปิดที่ 10,377.52 จุด ลดลง 2.06 จุด หรือร้อยละ 0.02 โดยได้แรงกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน พ.ค.ที่สูงขึ้นกว่าความคาดหมาย ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงสิ้นเดือนนี้

– รัฐบาลสหรัฐฯได้ประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต(PPI) ของสหรัฐฯเดือน พ.ค. ที่ปรับตัวขึ้น0.8% จากเดิมที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.6% ดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานที่ไม่รวมหมวดอาหารและ พลังงานที่เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดิมที่คาดไว้ที่ 0.2% นอกจากนั้นยังมีการประกาศตัวเลขดัชนีภาคการผลิต เขตมิดแอตแลนติกของธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาฟิลาเดเฟีย ที่เพิ่มขึ้นเกินคาดที่ 28.9 จากระดับที่คาดไว้ที่ 25 และ ตัวเลขดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสำนักงาน Conference Board ที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ที่เพิ่มขึ้น 0.5% จากที่คาดไว้ที่ 0.4%

– กระทรวงพลังงาน ได้ประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินอีก ลิตรละ 60 สตางค์โดยมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตามแผนที่จะปล่อยให้ราคาน้ำมันเบนซินลอยตัวเท่าราคาในตลาดโลก ซึ่งในขณะนี้ต่างจากราคาในตลาดโลกเพียง ลิตรละ 40 สตางค์ ส่วนราคาน้ำมันดีเซลยังให้คงอยู่ในระดับเดิม

– ธนาคารแห่งประเทศไทยเผยว่า ตัวเลขเงินเฟ้อพื้นฐานของไทยเดือน พ.ค.อยู่ที่ระดับ 0.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 0.5% ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจ

ภาวะตลาดหุ้น

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในวันนี้ ปิดตลาดลดลงไปอย่างหนัก โดยลดลงถึง 225.82 จุด คิดเป็นร้อยละ 1.95 ไปปิดที่ระดับ 11,382.08 จุด เป็นผลมาจากการปรับตัวลงกว่า 3% ของราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในญี่ปุ่นตามราคาของหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ ทั้งนี้นักลงทุนคาดว่าความต้องการผลิตภัณฑ์อิเลคทรอนิคส์เพื่อผู้บริโภคที่ได้รับแรงหนุนมาจากการปรับลดภาษีของสหรัฐฯ และการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน ได้เริ่มที่จะลดลง นอกจากนั้น ปัจจัยลบอีกประการ ได้แก่ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มด้านสินเชื่อในจีน ซึ่งได้เป็นตัวกดดันดัชนีหุ้นในตลาดอื่นๆด้วย

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันพฤหัสบดีปรับตัวลดลงเล็กน้อยไปปิดที่ระดับ 10,377.52 จุด ลดลงไป 2.06 จุด หรือร้อยละ 0.02 ทั้งนี้นักลงทุนเริ่มเกิดความวิตกกังวลขึ้นอีกครั้งเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯที่อาจจะส่งผลให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงสิ้นเดือนนี้ หลังจากการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน พ.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 0.8% สูงจากที่คาดไว้ว่าจะเพิ่ม 0.6% ส่วนดัชนีเงินเฟ้อพื้นฐานฯ เพิ่มขึ้น 0.3% สูงกว่าที่คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%. นอกจากนั้นราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นหลังการโจมตีท่อส่งน้ำมันในอิรักก็เป็นอีกปัจจัยที่มากดดันการซื้อขายในวันนี้

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ในวันพฤหัสฯที่ผ่านมา ปรับตัวลดลง 14.56 จุด หรือร้อยละ 0.73 โดยปิดที่ระดับ 1,983.67 จุดทั้งนี้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ และ ราคาหุ้น ซิสโก ซิสเทมศ์ที่ลดลง เป็นตัวดึงดัชนี

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงจากวันพุธที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยลดลง1.01 จุด หรือ ร้อยละ 0.16 มาอยู่ที่ระดับ 622.71 จุด เป็นการปรับตัวตามตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับลดลง จากความวิตกกังวลในเรื่องของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอีกครั้ง หลังการลอบวางระเบิดถึง 2 ครั้งในอิรักเมื่อวันก่อน แต่แรงซื้อที่เข้ามาในกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ เช่น พลังงาน และ บันเทิงในวันนี้เป็นตัวพยุงดัชนีไม่ให้ตกลงไปมากนัก

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบๆ และได้อ่อนค่าลงไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับวันก่อน เป็นการอ่อนค่าลงเช่นเดียวกับค่าเงินอื่นๆในภูมิภาค ที่ได้รับผลกระทบจากการที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในเอเชียที่ปิดตลาดลดลงจากวันก่อน การปรับขึ้นของราคาน้ำมัน การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเพิ่มความวิตกกังวลแก่นักลงทุนเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาค

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯแทบไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ถึงแม้จะมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจเดือน พ.ค.ที่ดีขึ้น เนื่องจากเงินดอลลาร์ฯได้ปรับตัวรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเอาไว้แล้ว ถึงแม้ได้มีการประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น 0.3% มากกว่าที่คาดไว้เดิมที่0.2% แต่นักลงทุนก็ไม่ได้วิตกกังวลมากนัก เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆที่ประกาศในวันนี้แข็งแกร่งเกินคาด เช่น ดัชนีภาคการผลิตแถบมิดแอตแลนติก ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสำนักงาน Conference Board และ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ที่ลดลง

USD/Euro
เงินยูโรอ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในวันนี้ โดยลดลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ที่ 1.1965 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ยูโร ก่อนแข็งค่าขึ้นมาในช่วงเย็น ซึ่งเป็นผลมาจากการการคาดการณ์ว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเขตยูโรโซน เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ในขณะที่นักลงทุนเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ จะปรับขึ้นอย่างแน่นอนในสิ้นเดือนนี้ และในเดือน ส.ค. ตามมา

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond 1 Year / Thai Gov. Bond 5 Years / Thai Gov. Bond 10 Years / Thailand Bond Value (MB)
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 9,763.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนถึง 11% โดยที่การซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มพันธบัตรภาครัฐ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆ โดยที่ Bid-offer spread อยู่ในช่วง –1.8 ถึง 0.8 bps.

Us Treasury Bond 10 Years
ราคาของ US Treasuries ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนไม่ได้วิตกกังวลเกี่ยวกับตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานเดือน พ.ค. ที่เพิ่มขึ้นถึง 0.3 % มากนัก แต่ให้ความสนใจไปที่ตัวเลขดัชนีการผลิตเขตมิดแอตแลนติก ของธนาคารกลางสหรัฐฯสาขาฟิลาเดเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของ Conference Board ที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ดัชนีอัตราค่าจ้าง และ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ล่าสุดลดลงไป ซึ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี และอัตราดอกเบี้ยไม่น่าจะถูกปรับขึ้นอย่างรุนแรงสิ้นเดือนนี้