รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 4 สิงหาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

– ตลาดหุ้นไทยในวันพุธที่ 4 สิงหาคม ปิดตลาดลดลงไป 11.62 จุด หรือร้อยละ 1.84 ไปอยู่ที่ 619.19 จุด โดยได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับการที่ตลาดหุ้นในต่างประเทศส่วนใหญ่ปิดตลาดลดลงในวันนี้ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันการซื้อขาย

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยลดไป 76.86 จุด หรือร้อยละ 0.62 ไปปิดที่ระดับ 12,280.26 จุด โดยตลาดได้แรงกดดันจากการปรับลดลงของราคาหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ในจีนจากการปรับลดราคาสินค้าของบริษัทหลายแห่ง และการที่ตลาดต่างประเทศหลายแห่งได้ปรับตัวลดลง

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ โดยลดไปถึง 130.55 จุด หรือร้อยละ 1.17 ไปปิดที่ระดับ 11,010.02 จุด จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น และผลกระทบของราคาน้ำมันต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น ได้ทำให้หุ้นในกลุ่มส่งออก, ธนาคาร และกลุ่มโบรกเกอร์ ปรับลดลงไป

– ตลาดหุ้น Dow Jones วันอังคารที่ 3 สิงหาคม ปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยลดลงไป 58.92 จุด หรือร้อยละ 0.58 ไปอยู่ที่ระดับ 10,120.24 จุด ตลาดได้แรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯส่งมอบเดือน ก.ย.ที่ตลาด NYMEX ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 44 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล จากความวิตกกังวลว่าอาจมีการก่อการร้ายสถาบันการเงินขนาดใหญ่ก่อนการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ประกอบกับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ที่ลดลงก็ได้เป็นปัจจัยที่กดดันการซื้อขายในวันนี้

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินส่วนใหญ่ในวันนี้ โดยอยู่ที่ระดับ 1.2017 บาท/ยูโร, 41.437 บาท/ดอลลาร์ฯ และ 111.36 เยน/ดอลลาร์ฯ ตามลำดับ

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ปิดตลาดลดลง 11.62 จุด หรือร้อยละ 1.84 ไปอยู่ที่ 619.19 จุด จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ประธานกลุ่มโอเปกได้ออกมากล่าวว่าจะไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อลดราคาน้ำมันลงได้อีกในขณะนี้ นอกจากนั้นการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ ตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียต่างปรับตัวลดลง และความวิตกกังวลว่าธนาคารแห่งประเทศไทยอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามสหรัฐฯในการประชุมวันที่ 25 ส.ค.ก็เป็นอีกปัจจัยที่มากดดันการซื้อขาย

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ โดยปิดที่ระดับ 11,010.02 จุด ลดลงไป 130.55 จุด หรือร้อยละ 1.17 โดยนักลงทุนส่วนใหญ่ได้ขายหุ้นออกมาสืบเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ประธานกลุ่มโอเปกได้ออกมากล่าวว่าโอเปกไม่สามารถผลิตปริมาณน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อทำให้ราคาปรับลดลงไปได้ในขณะนี้ นอกจากนั้นนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของราคาน้ำมันต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มส่งออก , ธนาคาร และ กลุ่มโบรกเกอร์ ลดลงไปอย่างมากในวันนี้

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยลดลง 76.86 จุด หรือร้อยละ 0.62 ไปปิดที่ระดับ 12,280.26 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับลดลงของราคาหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว เช่นหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ของจีน หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับการที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในต่างประเทศปรับตัวลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นก็ได้ทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอดูผลประกอบการของบริษัทต่างๆ

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯในอังคารที่ 3 สิงหาคม ปิดตลาดลดลงในวันนี้ โดยลดลง 58.92 จุด หรือ ร้อยละ 0.58 ไปปิดที่ระดับ 10,120.24 จุด โดยได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯส่งมอบเดือน ก.ย.ที่ตลาด NYMEX ได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ระดับสูงกว่า 44 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรลจากความวิตกกังวลว่าอาจมีการก่อการร้ายสถาบันการเงินขนาดใหญ่ในสหรัฐฯก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ประกอบกับถูกกดดันจากตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ที่ลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี โดยลดลงไปร้อยละ 0.7 จากการซื้อรถยนต์ที่ลดลง นอกจากนั้นราคาหุ้นบริษัทคิวเวสต์ คอมมิวนิเคชั่น และบริษัททีเน็ต เฮลแคร์ที่ลดลงอย่างมากหลังจากประกาศผลประกอบการที่ลดลงก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลลบต่อการซื้อขายในวันนี้

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงเดียวกัน โดยได้ปิดตลาดที่ระดับ 1,859.42 จุด ลดลง 32.67 จุด หรือ ร้อยละ 1.73 โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และ ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ที่ได้ลดลงไป

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อ่อนค่าลงไปในวันนี้ โดยอยู่ใกล้กับระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน ที่ 41.5 บาท/ดอลลาร์ฯ ทั้งนี้เป็นการอ่อนค่าลงไปตามค่าเงินอื่นๆในภูมิภาค และค่าเงินเยน หลังจากที่ราคาน้ำมันซึ่งปรับขึ้นเป็นประวัติการณ์ได้ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นอกจากนั้นนักลงทุนจะรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ก.ค.ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้

Yen/USD
เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน ทั้งนี้ค่าเงินได้รับแรงกดดันจากการที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 สัปดาห์ และจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากญี่ปุ่นต้องพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันจำนวนมาก โดยการประกาศตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ของสหรัฐฯที่ลดลงไปถึงร้อยละ 0.7 และตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.2 ได้รับการชดเชยจากตัวเลขยอดขายรถยนต์เดือน ก.ค.ซึ่งเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ไม่ได้ส่งผลในแง่ลบต่อค่าเงินมากนัก

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินยูโรในวันนี้ ถึงแม้ว่าสหรัฐฯได้มีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอออกมาหลายตัวในวันก่อน ได้แก่ ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ที่ลดลง จากยอดขายรถยนต์และสินค้าฟุ่มเฟือยที่ลดลง ตัวเลขรายได้ส่วนบุคคลที่เพิ่มเพียงร้อยละ 0.2 แต่ธนาคารกลางสหรัฐฯยังคงเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะอ่อนแอลงเพียงชั่วคราว และนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯจะยังคงถูกปรับขึ้นไปอีกร้อยละ 0.25 ในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 10 ส.ค.นี้

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 7,480.8 ล้านบาท ลดลงจากวันศุกร์ร้อยละ 15.87 มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มตั๋วเงินคลัง และ พันธบัตรรัฐบาล โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลส่วนใหญ่ได้ปรับตัวตั้งแต่ -2 ถึง 2 bps. ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน.

Us Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรของสหรัฐฯในวันพุธที่ 3 สิงหาคม ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการก่อการร้ายในสหรัฐฯ ประกอบกับการประกาศตัวเลขดัชนีการใช้จ่ายผู้บริโภคส่วนบุคคลพื้นฐานเดือน มิ.ย.ที่ร้อยละ 1.5 ซึ่งเท่ากับในเดือน พ.ค. และตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลงร้อยละ 0.7 ได้สะท้อนถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมาก