รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม ปิดตลาดลดลงไปอยู่ที่ 641.3 จุด ลดลงไป 19.99 จุดหรือร้อยละ 3.02 มูลค่าการซื้อขายที่ 2.3 หมื่นล้านบาท โดยตลาดปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเช้าตามทิศทางของตลาดหุ้นต่างประเทศส่วนใหญ่ จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง ประกอบกับแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนต่างชาติในหุ้นบางกลุ่มที่ราคาได้ปรับสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่สาม โดยปิดที่ 13,035.38 จุด ลดลงไปถึง 136.2 จุด หรือร้อยละ 1.03 โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงอย่างมากของราคาหุ้นในกลุ่มโลหะของจีน และการขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่ห้าติดต่อกัน โดยปิดที่ 11,034.29 จุด ลดลงไปถึง 161.7 จุด หรือร้อยละ 1.44 โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ตามการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มเดียวกันในสหรัฐฯ จากการความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์โลหะจากจีน

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันพุธที่ 13 ตุลาคม ปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่สอง โดยลดลง 74.85 จุด หรือร้อยละ 0.74 ไปอยู่ที่ 10,002.33 จุด ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวอยู่เหนือ 53 ดอลลาร์/บาร์เรล และการที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆปรับตัวลดลงไปจากความวิตกกังวลถึงอุปสงค์ที่ลดลงไปของจีน ซึ่งได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงอย่างมาก

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงไปเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน และยูโร โดยอยู่ที่ระดับ 109.54 เยน/ดอลลาร์ฯ และที่ 1.2358 ดอลลาร์/ยูโร แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาทที่ 41.4 บาท/ดอลลาร์

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดลดลงอย่างมากในวันนี้ โดยปิดที่ 641.3 จุด ลดลงไป 19.99 จุด หรือร้อยละ 3.02 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 23,172 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดปรับตัวลดลงตลอดทั้งวัน เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค จากความวิตกกังวลในเรื่องของราคาน้ำมันที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง และแรงขายจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติซึ่งได้ขายสุทธิเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยได้มีการขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มพลังงาน ธุรกิจเดินเรือ และปิโตรเคมีออกมาหลังจากที่ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่ห้าติดต่อกัน โดยปิดที่ 11,034.29 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ลดลงไป 161.7 จุดหรือร้อยละ 1.44 โดยได้รับแรงกดดันจากการปรับตัวลดลงไปของราคาหุ้นในกลุ่มโภคภัณฑ์ตามทิศทางของหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่ราคาโลหะในตลาดโลหะต่างๆปรับตัวลดลง จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลดลงของอุปสงค์จากจีน นอกจากนั้นการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่กดดันบรรยากาศในการซื้อขายวันนี้

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดลดลงเป็นวันที่สาม โดยอยู่ที่ 13,035.38 จุด ลดลงไป 136.2 จุด หรือร้อยละ 1.03 จากการปรับตัวลดลงอย่างมากของราคาหุ้นกลุ่มโลหะของจีน หลังจากที่ราคาโลหะได้ปรับตัวลดลงไปอย่างมากประกอบกับมีการขายทำกำไรหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จากความวิตกกังวลที่ว่าราคาที่ดินที่ประมูลได้ในวันอังคารที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่สูงเกินไปซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของธุรกิจดังกล่าว

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่สองเมื่อวันพุธที่ 13 ต.ค. โดยปิดที่ 10,002.33 ลดลง 74.85 จุด หรือ ร้อยละ 0.74 ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.5 พันล้านหุ้น ทั้งนี้ตลาดปรับตัวสูงขึ้นในช่วงแรกจากการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ที่ดีขึ้นของบริษัทแมคโดนัลด์, อินเทล และยาฮู อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลดลงไปจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปอยู่เหนือ 53 ดอลลาร์/บาร์เรล อีกครั้งหนึ่ง และการที่ราคาโลหะในตลาดโลหะต่างๆปรับตัวลดลงไปจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ลดลงไปจากจีน ได้ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ลดลงไปอย่างมาก

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน โดยปิดที่1,920.53 จุด ลดลง 4.64 จุด หรือ ร้อยละ 0.24 โดยได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง และการปรับตัวลดลงอย่างมากของราคาหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาททรงตัวอยู่ในช่วงแคบๆเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้อ่อนค่าลงไปเล็กน้อยเช่นเดียวกันกับค่าเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังคงทรงตัวอยู่ใกล้กับ 54 ดอลลาร์/บาร์เรล

Yen/USD
เงินเยนแข็งค่าขึ้นไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเงินดอลลาร์ฯได้รับแรงกดดันจากการที่คาดว่าตัวเลขดุลการค้าของสหรัฐฯเดือน ส.ค.ที่จะเปิดเผยในวันนี้จะขาดดุลเพิ่มมากขึ้นสู่5.15 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ จาก 5.015 หมื่นล้านดอลลาร์ฯในเดือนก่อน นอกจากนั้นแล้ว ยังได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนหน้า ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่าเงินดอลลาร์ฯมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน หากว่านายเคอร์รีชนะการเลือกตั้ง

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโรเช่นกันหลังจากที่ได้แข็งค่าขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 1.2224 ดอลลาร์/ยูโร ในบางช่วงของการซื้อขายเมื่อวานนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ใกล้กับ 54 ดอลลาร์/บาร์เรล และการที่คาดว่ายอดดุลการค้าเดือน ส.ค.ที่จะเปิดเผยวันนี้จะขาดดุลมากขึ้น นอกจากนั้น นักลงทุนยังชะลอที่จะเข้าซื้อดอลลาร์ฯก่อนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆในวันพรุ่งนี้เช่น ยอดค้าปลีก และ ตัวเลขการผลิตทางอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.เพื่อดูทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 16,167.09 ล้านบาท เพิ่มจากวันก่อนร้อยละ 16 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะสั้นแทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวปรับตัวอยู่ในช่วงระหว่าง –1 ถึง 1 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯในวันพุธที่ 13 ต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันในตลาด NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย.ได้ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่ใกล้กับ 54 ดอลลาร์/บาร์เรลอีกครั้ง หลังจากที่ได้ลดลงไปสู่ 51.5 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงแรก ซึ่งได้ทำให้นักลงทุนเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการใช้จ่ายภาคเอกชน และการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ นอกจากนั้นแล้ว การที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างมากในวันนี้ ก็ได้เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มมากขึ้น และช่วยหนุนให้ราคาพันธบัตรปรับตัวขึ้นไป