รายงานภาวะตลาดหุ้นและการเงิน ประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2547

ดัชนีตลาดหุ้นวันนี้

ตลาดหุ้นไทยในวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม ปิดตลาดเพิ่มขึ้นไป 7.18 จุดหรือร้อยละ 1.12 ไปปิดที่ 648.48 จุด มูลค่าการซื้อขายที่ 1.6 หมื่นล้านบาท ตลาดปรับตัวค่อนข้างผันผวน โดยราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นได้ส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่แรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี และกลุ่มธุรกิจเดินเรือได้ช่วยหนุนให้ตลาดปรับตัวขึ้นได้ในวันนี้

– ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่ลดลงไปเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน โดยปิดที่ 13,059.43 จุด เพิ่มขึ้น 24.05 จุด หรือร้อยละ 0.18 โดยตลาดได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ของจีนหลังจากที่ราคาได้ลดลงไปอย่างมากเมื่อวานนี้

– ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดลดลงไปเป็นวันที่หกติดต่อกัน โดยปิดที่ 10,982.95 จุด ลดลงไปอีก 51.34 จุด หรือร้อยละ 0.47 ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ ซึ่งได้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้หุ้นบลูชิพขนาดใหญ่ปรับตัวลดลงในวันนี้

– ตลาดหุ้น Dow Jones ในวันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม ปรับตัวลดลงไปสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน โดยปิดที่ 9,894.45 จุด ลดลงไปถึง 107.88 จุดหรือร้อยละ 1.08 โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ โดยปิดที่ 54.76 ดอลลาร์/บาร์เรล, ข่าวการยื่นฟ้องบริษัทโบรกเกอร์ประกันในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งทำให้ราคาหุ้นกลุ่มประกันปรับตัวลดลง และการประกาศผลประกอบการที่ลดลงของบริษัทเจเนอรัลมอเตอร์

– เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆจากวันก่อนเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน และบาท โดยอยู่ที่ระดับ 109.55 เยน/ดอลลาร์ฯ และที่ 41.413 แต่ได้อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.2391 ดอลลาร์/ยูโร

ภาวะตลาดหุ้น

Thailand’s SET
ตลาดหุ้นไทยปิดตลาดเพิ่มขึ้นในวันนี้ โดยปิดที่ 648.48 จุด เพิ่มขึ้น 7.18 จุด หรือร้อยละ 1.12 มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นที่ 16,205 ล้านบาท ทั้งนี้ตลาดปรับตัวค่อนข้างผันผวน โดยได้รับปัจจัยลบจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่เหนือ 54 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งได้ทำให้มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน และ วัสดุก่อสร้าง ออกมาในช่วงแรก อย่างไรก็ตาม ได้มีแรงซื้อกลับเข้ามาในช่วงบ่ายในหุ้นกลุ่มสื่อสาร, , ปิโตรเคมี และ กลุ่มธุรกิจเดินเรือ ส่งผลให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้

Japan Nikkei-225
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดตลาดปรับตัวลดลงไปเป็นวันที่หกติดต่อกัน โดยลดลงไปอีก 51.34 จุดหรือร้อยละ 0.47 ไปปิดที่ 10,982.95 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดครั้งใหม่เกือบถึง 55 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ราคาหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มส่งออกปรับตัวลดลงไปอย่างมาก อย่างไรก็ตาม แรงซื้อคืนในหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์หลังจากที่ราคาลดลงไปอย่างมากในวันก่อนได้เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนให้ตลาดไม่ปรับตัวลดลงไปมากนัก

Hang Seng
ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดตลาดเพิ่มขึ้นหลังจากที่ลดลงเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน โดยอยู่ที่ 13,059.43 จุด เพิ่มขึ้น 24.05 จุด หรือร้อยละ 0.18 โดยตลาดได้รับแรงบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ของจีน หลังจากที่ราคาโลหะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ ยังได้ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกันและเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดในวันนี้

US ‘s Dow Jones
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดตลาดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ต.ค. โดยปิดที่ 9,894.45 ลดลงไปถึง 107.88 จุด หรือ ร้อยละ 1.08 ปริมาณการซื้อขายหนาแน่นที่ 1.5 พันล้านหุ้น โดยตลาดได้รับปัจจัยลบหลายประการ ได้แก่ การที่ราคาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX ได้ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 54.76 ดอลลาร์/บาร์เรล, ข่าวการยื่นฟ้องบริษัทโบรกเกอร์ประกันในข้อหาชี้นำลูกค้าให้ทำประกันกับบริษัทบางแห่งเพื่อแลกกับค่าตอบเเทน ซึ่งทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มประกันปรับตัวลดลง, การปรับตัวลดลงของหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์หลังจากมีการรายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าที่คาด และการรายงานตัวเลขยอดขาดดุลการค้าเดือน ส.ค.ซึ่งสูงเกินความคาดหมาย

US’s NASDAQ
ดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน โดยปิดที่1,903.02 จุด ลดลง 17.51 จุด หรือ ร้อยละ 0.91 จากการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ซึ่งได้กดดันบรรยากาศในการซื้อขาย

สรุปการเคลื่อนไหวของค่าเงิน

Baht/USD
เงินบาท/ดอลลาร์สหรัฐฯยังคงทรงตัวอยู่ในช่วงแคบๆ จากวันก่อน ทั้งนี้เงินบาทได้แข็งค่าขึ้นในช่วงเช้าจากการรายงานตัวเลขยอดขาดดุลการค้าเดือน ส.ค.ของสหรัฐฯที่สูงเกินความคาดหมาย ก่อนที่จะมีแรงซื้อคืนดอลลาร์ฯกลับเข้ามาในช่วงบ่าย โดยนักลงทุนจะรอดูตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.และข้อมูลการผลิตทางอุตสาหกรรมเดือน ก.ย.ของสหรัฐฯในคืนนี้ เพื่อดูแนวโน้มของค่าเงินดอลลาร์ฯ

Yen/USD
เงินเยนปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นเดียวกัน โดยเงินเยนได้แข็งค่าขึ้นไปที่ 109.66 เยน/ดอลลาร์ฯในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์ค หลังจากที่ได้มีการรายงานตัวเลขยอดขาดดุลการค้าสหรัฐฯเดือน ส.ค.ที่เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันดับสองที่ 5.4 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ จากการขาดดุลที่ 5.055 หมื่นล้านดอลลาร์ฯในเดือน ก.ค.ก่อนที่จะอ่อนค่าลงมาในวันนี้ ทั้งนี้คาดว่าเงินเยน/ดอลลาร์ฯจะยังคงปรับตัวอยู่ในช่วงแคบโดยนักลงทุนส่วนใหญ่ได้เพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายมากขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

USD/Euro
เงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร โดยได้รับแรงกดดันจากการรายงานยอดขาดดุลการค้าเดือน ส.ค.ซึ่งเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันดับสอง และ การเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้ ซึ่งทำให้เกิดความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทั้งนี้นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงต้องการชะลอการลงทุนก่อนการเปิดเผยขัอมูลการผลิตทางอุตสาหรรม และยอดค้าปลีกเดือน ก.ย.และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ต.ค.ของสหรัฐฯที่จะประกาศในคืนนี้

สรุปการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในตลาดตราสารหนี้

Thai Gov. Bond
มูลค่าการซื้อขายในวันนี้อยู่ที่ 7,785.58 ล้านบาท เพิ่มจากวันก่อนร้อยละ 52 โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรส่วนใหญ่แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะกลางและระยะยาวได้เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง –1 ถึง 1 bps.

US Treasury Bond 10 Years
ราคาพันธบัตรสหรัฐฯในวันพฤหัสบดีที่ 14 ต.ค.ได้ปรับตัวสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากการประกาศตัวเลขยอดขาดดุลการค้าเดือน ส.ค.ที่ได้เพิ่มขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อันดับสอง จากราคานำเข้าน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น, การรายงานตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 352,000 คน ซึ่งสูงขึ้นกว่าความคาดหมาย และการที่ราคาน้ำมันดิบในตลาด NYMEX ปรับตัวสูงขึ้นไปอยู่เหนือ 54 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งได้ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป