2 ค่ายยักษ์ใหญ่วงการตลับหมึกร่วมกันประกาศสงครามกับผู้ผลิต/จำหน่ายสินค้าปลอมจับตลับหมึกพิมพ์ปลอมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท

8 กุมภาพันธ์ 2548 — บริษัท ฮิวเล็ตต์-แพ็คการ์ด (HP), และแคนนอน กาบูชิกิไกชา (Canon) ยังคงประกาศเดินหน้าทำสงครามกับบรรดาผู้ละเมิดสิทธิ์ตลับหมึกพิมพ์เลเซอร์พรินเตอร์ปลอมอย่างต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว ผลจากการจัดให้มีสายด่วนแจ้งเบาะแสการขายหมึกปลอมโดยเป็นผลงานต่อเนื่องจากการรณรงค์ต่อต้านการแพร่ระบาดของตลับหมึกพิมพ์สำหรับเครื่องเลเซอร์พรินเตอร์ปลอมในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วงสองปีที่ผ่านมา

ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2548 HP, Canon และเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำชุด ปลป.ก. ชุดที่ 4 โดยการนำทีมของพันตร.โท เสวก ประภาสะสุตร์ พันตำรวจโท ธีระ สมบุญนา พันตำรวจโทวันชัย มากเจริญ พันตำรวจโท สง่า เอี่ยมงาม กับพวก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต. เอกรัตน์ มีปรีชา (รองผู้บังคับการตำรวจสอบสวนกลาง) พร้อมด้วย บริษัทติลลิกี แอนด์ กิบบินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ตัวแทนผู้รับมอบอำนาจของ 2 บริษัท ได้นำหมายค้นของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเข้าทำการตรวจค้น แหล่งเก็บสินค้ากล่องตลับหมึกพิมพ์เลเซอร์พรินเตอร์ปลอม 2 แหล่งใหญ่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ผู้ผลิตและจำหน่ายตลับหมึกพิมพ์ปลอมยี่ห้อ HP และ Canon ผลการจับกุมพบกล่องตลับหมึกพิมพ์เลเซอร์พรินเตอร์ปลอมของ HP และ Canon กว่า 3,000 กล่อง พร้อมสติกเกอร์ที่ปรากฎเครื่องหมายการค้า HP และ Canon และอุปกรณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับตลับหมึกพิมพ์เลเซอร์พรินเตอร์ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ซึ่งผลการสอบสวนพบว่าเจ้าของสินค้าทั้ง 2 แห่งนั้นเป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงได้มีการดำเนินคดีอาญากับบุคคลดังกล่าว ในข้อหาปลอมเครื่องหมายการค้า ภายใต้ พรบ.เครื่องหมายการค้า และเอาชื่อรูปรอยประดิษฐ์ของผู้อื่นมาใช้ภายใต้ประมวลกฎหมายอาญา

ทนายความผู้รับมอบอำนาจของ HP และ Canon กล่าวว่า “สืบเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา พวกเขายังคงมีแผนที่จะขยายผลการตรวจค้นจับกุมบริษัทและร้านค้าปลีกในต่างจังหวัดเพื่อกวาดล้างสินค้าปลอมให้หมดสิ้นจากตลาดประเทศไทย และขยายผลกิจกรรมสายด่วนแจ้งเบาะแสสินค้าปลอมอย่างต่อเนื่อง และกล่าวแสดงความขอบคุณในความร่วมมือและท่าทีที่ชัดเจนของตำรวจในการบุกจับสินค้าปลอมที่ถือได้ว่าเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคให้เข้าใจผิดในเรื่องแหล่งกำเนิดและคุณภาพสินค้า และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะดำเนินการเอาผิดกับผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกสินค้าปลอมอย่างต่อเนื่องต่อไป ”