ดีแทค รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก ปี 2548 รายได้โตขึ้น 10%

16 พ.ค. 48 – นายวิชัย เบญจรงคกุล และ มร. ซิคเว่ เบรคเก้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสแรก ปี 2548 (สิ้นสุด ณ 31 มีนาคม 2548) มีรายได้รวมทั้งสิ้น (Total Revenues) เท่ากับ 10,200 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับผลประกอบการของไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อย 10 จากช่วงเดียวกันของปี 2547 โดยปัจจัยหลักมาจากการที่ลูกค้าทั้งในระบบจดทะเบียนและเติมเงินมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากการที่ดีแทคเน้นถึงความคุ้มค่าของบริการที่ดีแทคให้มากกว่าเงินที่ลูกค้าต้องจ่ายออกไป รวมถึงคุณภาพของเครือข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าผู้ใช้บริการได้รับ ความพึงพอใจสูงสุด

สิ้นสุดไตรมาสแรกของปี 2548 มีผู้ใช้บริการทั้งระบบ (Total Subscribers) รวมทั้งสิ้น 8,106,622 เลขหมาย เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนร้อยละ 4 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

รายได้จากการให้บริการ (Service Revenues) ที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสแรกมีปัจจัยสนับสนุนดังนี้

* รายได้จากการให้บริการระบบเติมเงิน (Prepaid Revenues) จำนวนผู้ใช้บริการและปริมาณการใช้โทรศัพท์ที่มากขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการให้บริการในระบบเติมเงินเติบโตขึ้นร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2547

* รายได้จากการให้บริการระบบจดทะเบียน (Postpaid Revenues) จำนวนลูกค้าในระบบจดทะเบียนมียอดเพิ่มขึ้นสุทธิเป็นบวกติดต่อกันอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 23 ทำให้บริษัทฯ มีจำนวนผู้ใช้บริการในระบบจดทะเบียน ณ สิ้นสุดไตรมาสแรกเท่ากับ 1,316,144 เลขหมาย

* รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน (ARPU) ของทั้งระบบ ไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสที่ผ่านมา หรือเท่ากับ 428 บาท/เลขหมาย/เดือน

* รายได้จากบริการเสริม (Value-added Services Revenues) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากบริการ SMS และ GPRS ในแคมเปญ Bonus One ทำให้รายได้ในส่วนนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 จากไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนั้นรายได้จากบริการเสริมในไตรมาสแรกปี 48 ยังคิดเป็นร้อยละ 5 ของรายได้จากการให้บริการ (เดิมเพียงร้อยละ 4 ของรายได้จากการให้บริการ)

กำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาสแรกรวมเติบโตขึ้นร้อยละ 7 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา EBITDA MARGIN อยู่ที่ร้อยละ 38

“เราอยู่ในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก เราจึงต้องมีทัศนคติที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา นี่คือกุญแจแห่งความสำเร็จของเรา เราสร้างทัศนคติเช่นนี้ในองค์กรเพื่อให้การดำเนินธุรกิจของเรามีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ดีแทคเพิ่งจะมีการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อให้มีการติดต่อสื่อสารภายในและการประสานงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นระหว่างหน่วยงานต่างๆ ภายในองค์กรเพื่อเสริมศักยภาพในการให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

นับจากไตรมาสนี้คาดว่าตลาดจะยังเติบโตต่อไปได้อีก ในขณะที่การแข่งขันก็จะรุนแรงมากขึ้น ดีแทคจะเสนอนวัตกรรมบริการและรูปแบบการคิดค่าบริการที่หลากหลายซึ่งเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เราจะลงทุนทางด้านเครือข่ายอย่างต่อเนื่องทั้งด้านการขยายพี้นที่ครอบคลุมและเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายเพื่อรองรับการเติบโตของจำนวนลูกค้าและปริมาณการใช้งานที่เพิ่มขึ้น” Co-CEO ดีแทคกล่าว