มาสเตอร์การ์ดปิดเว็บไซต์ผิดกฎหมายกว่า 300 เว็บไซต์ในเอเชียแปซิฟิกใน 11 เดือน

สิงค์โปร์, 30 พฤษภาคม 2548 – มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนลดำเนินการปิดเว็บไซต์ที่โจรกรรมรหัสส่วนบุคคลเพื่อกระทำการที่ผิดกฎหมายเป็นจำนวนเกือบ 1,400 เว็บไซต์ทั่วโลกในระยะเวลา 11 เดือน ซึ่งจำนวนเกือบ 1 ใน 4 เป็นเว็บไซต์ในเอเชียแปซิฟิก การปราบปรามนี้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Operation Stop IT (Identity Theft) ของมาสเตอร์การ์ดที่ออกไปทั่วโลก

ระหว่างวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ถึง 4 พฤษภาคม 2548 มาสเตอร์การ์ดประสบความสำเร็จในการปิดเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับบัตรเครดิตและอีคอมเมิร์ซจำนวนกว่า 700 เว็บไซต์ที่โจรกรรมรหัสส่วนบุคคลเพื่อนำไปจ่ายเงินอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งในจำนวนเว็บไซต์ทั้งหมดนี้ ร้อยละ 3 เป็นเว็บไซต์ในเอเชียแปซิฟิก

มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนลเปิดตัวแคมเปญนี้เมื่อเดือนมิถุนายน 2547 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบการโจรกรรมข้อมูลและรหัสบัตรเครดิตทางอินเตอร์เน็ต และการจ่ายเงินทางอินเตอร์เน็ตอย่างผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบัตรมาสเตอร์การ์ด ซึ่งการโจรกรรมรหัสและข้อมูลส่วนบุคคลทางอินเตอร์เน็ตเป็นวิธีการอันแยบยลที่เสมือนเป็นอีเมลล์ส่งจากบริษัทที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายและขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่นหมายเลขบัญชีธนาคาร และหมายเลขบัตรเครดิตเพื่อนำไปใช้อย่างผิดกฎหมาย

“จำนวนเว็บไซต์ที่ถูกปิดลงแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จของมาสเตอร์การ์ดกับแคมเปญ Operation Stop IT ด้วยความพยายามและร่วมมือกันอย่างเต็มที่ เราสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนำไปสู่ความสำเร็จของเรา” ทิม มอริส รองประธานและหัวหน้าระดับภูมิภาค แผนกบริหารความปลอดภัยและความเสี่ยง มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล เอเชียแปซิฟิกกล่าว “การทำงานโดยอาศัยการบังคับทางกฎหมายช่วยให้มาสเตอร์การ์ดดำเนินการตรวจสอบและปิดเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายลงได้”

การดำเนินการกวาดล้างเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายเริ่มจากการที่มาสเตอร์การ์ดได้รับรายงานเกี่ยวกับเว็บไซต์ดังกล่าว จากนั้นก็จะทำการแจ้งไปยังหน่วยงานทางกฎหมายและผู้ให้บริการทางอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการปิดเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งจำนวนร้อยละ 93 ของเว็บไซต์ที่ถูกตรวจพบจะถูกปิดลงภายใน 24 ถึง 48 ชั่วโมง

มอริสกล่าวว่าส่วนใหญ่แล้ว การดำเนินการกวาดล้างนี้เป็นไปอย่างยอดเยี่ยม “มันขึ้นอยู่กับว่าในแต่ละประเทศควรมีการจัดการอย่างไร ซึ่งเรามักพึงพอใจกับความร่วมมือที่ได้รับ”

เว็บไซต์ผิดกฎหมายที่ทำการโจรกรรมข้อมูลเกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ดในประเทศต่างๆ มีดังนี้: สหรัฐอเมริกา (ร้อยละ 47) ยุโรป/เอเชียใต้/ตะวันออกกลาง/แอฟริกา (ประมาณร้อยละ 25) ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในเดือนเมษายน เกาหลีมีจำนวนเว็บไซต์โจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลมากที่สุด ตามด้วยจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย

หลังจากความพยายามของมาสเตอร์การ์ดในการปราบปรามการโจรกรรมทางอินเตอร์เน็ตอย่างเข้มงวด จำนวนเว็บไซต์ที่ขายหมายเลขบัตรเครดิตได้ลดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม เว็บไซต์ใหม่หลายสิบเว็บไซต์ได้ถูกตรวจพบ เปรียบเทียบกับตัวเลข 139 เว็บไซต์ในเดือนมิถุนายน 2547 นอกจากนี้แคมเปญ Operation Stop IT ยังได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย โดยได้ตรวจพบเว็บไซต์ผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสึนามิจำนวน 133 เว็บไซต์ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม และได้ปราบปรามผู้ฉ้อโกงทางอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก

อันเนื่องมาจากความสำเร็จของแคมเปญ Operation Stop IT บริษัทเนมโพรเท็ก ซึ่งได้ร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ดในแคมเปญปราบปรามการฉ้อโกงทางอินเตอร์เน็ต ได้นำเสนอโปรแกรมเนมโพรเท็ก ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นปรับปรุงแก่ลูกค้าองค์กรทางด้านการเงินของมาสเตอร์การ์ด ซึ่งจะสามารถช่วยให้ลูกค้าองค์กรของมาสเตอร์การ์ดทำการป้องกันการโจรกรรมทางอินเตอร์เน็ตด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย

ข้อมูลเกี่ยวกับมาสเตอร์การ์ดอินเตอร์เนชั่นแนล

มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทชั้นนำด้านโปรแกรมการชำระเงินระดับโลก ที่เสนอรูปแบบนวัตกรรมที่หลากหลายเพื่อสนับสนุนการบริการต่างๆมากมาย อาทิ บัตรเครดิต, การฝากเงิน, การเบิกเงินสดอิเล็คทรอนิค และการทำธุรกรรมทางการเงิน รวมไปถึงโปรแกรมการใช้จ่ายต่างๆ มาสเตอร์การ์ด อินเตอร์เนชั่นแนล จึงได้รับการยอมรับว่าแบรนด์การชำระเงินที่มีชื่อเสียงภายใต้โลโก้ MasterCard? Maestro? และ Cirrus? ทั้งยังให้บริการต่อสถาบันการเงิน ผู้บริโภค และองค์กรธุรกิจต่างๆกว่า 210 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ แคมเปญโฆษณา Priceless? ของมาสเตอร์การ์ดซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้เผยแพร่ไปแล้วกว่า 97 ประเทศ และดัดแปลงเป็นภาษาต่างๆถึง 47 ภาษา ทำให้มาสเตอร์การ์ดเป็นแบรนด์ที่สามารถเข้าถึงได้ทั่วทุกมุมโลกและครอบคลุมผุ้บริโภคทั่วโลกอย่างแท้จริง ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลของมาสเตอร์การ์ดได้ที่เว็บไซต์ www.mastercardinternational.com